รวมขั้นตอนการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง พร้อมวิธีคำนวณค่าโอนที่ควรรู้

/
/
รวมขั้นตอนการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง พร้อมวิธีคำนวณค่าโอนที่ควรรู้

เจาะลึกทุกขั้นตอนโอนบ้านมือสอง 2568 พร้อมสูตรคำนวณค่าใช้จ่ายที่แม่นยำ ประหยัดเงินและเวลาด้วยคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้

การซื้อบ้านหรือคอนโดมือสองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ด้วยราคาที่ถูกกว่าและทำเลที่อาจตรงใจมากกว่า แต่หลายคนมักสับสนกับขั้นตอนการโอนบ้านมือสอง และค่าใช้จ่ายของบ้านมือสองที่เกี่ยวข้อง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้การซื้อบ้านมือสองของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้ปัญหา

เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ทำความรู้จักเรื่องการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

การโอนบ้านมือสอง คือกระบวนการทางกฎหมายในการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากเจ้าของเดิมมาเป็นของคุณ ซึ่งต้องดำเนินการที่สำนักงานที่ดินในเขตที่บ้านหรือคอนโดนั้นตั้งอยู่ โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องมาดำเนินการพร้อมกัน กระบวนการนี้ประกอบด้วยการตรวจสอบเอกสาร การชำระค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และการจดจำนอง (กรณีกู้เงินจากธนาคาร) ซึ่งสำคัญมากที่ต้องเข้าใจทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

เอกสารที่ใช้ในการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ขั้นตอนการโอนบ้านมือสองเป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่จำเป็นต้องใช้จะแตกต่างกันระหว่างบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องเตรียมเอกสารของตนเองให้พร้อม เพื่อนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดิน การขาดเอกสารแม้เพียงฉบับเดียวอาจทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ล่าช้าหรือไม่สามารถดำเนินการได้

1. เอกสารสำหรับบุคคลทั่วไป

สำหรับบุคคลธรรมดาที่ต้องการโอนกรรมสิทธิ์บ้านมือสอง หรือคอนโดมือสอง ต้องเตรียมเอกสารดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาที่ลงนามรับรองแล้ว
  • ทะเบียนบ้านฉบับจริง พร้อมสำเนาที่ลงนามรับรองแล้ว
  • โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ฉบับจริง
  • ทะเบียนสมรส/ใบหย่า (ถ้ามี) พร้อมสำเนา
  • หนังสือให้ความยินยอมจากคู่สมรส (กรณีจดทะเบียนสมรส)
  • หนังสือมอบอำนาจ ติดอากรแสตมป์ (กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน)
  • เอกสารการโอนคอนโดมือสอง เพิ่มเติม เช่น หนังสือรับรองการปลอดหนี้ค่าส่วนกลางจากนิติบุคคลอาคารชุด

2. เอกสารสำหรับนิติบุคคล

กรณีที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายเป็นนิติบุคคล ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมจากกรณีบุคคลธรรมดา ดังนี้

  • หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
  • หนังสือบริคณห์สนธิ
  • ข้อบังคับของบริษัท
  • บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (กรณีเป็นบริษัทจำกัดหรือมหาชน)
  • รายละเอียดการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน (กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือสามัญ)
  • บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
  • ตัวอย่างลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจ
  • หนังสือมอบอำนาจจากกรรมการผู้มีอำนาจ (ถ้ามี)

วิธีการคำนวณค่าโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

วิธีการคำนวณค่าโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

การคำนวณค่าใช้จ่ายในการโอนบ้านมือสอง เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพราะมีผลต่องบประมาณที่ต้องเตรียมไว้ ค่าใช้จ่ายหลักๆ ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าอากรแสตมป์ และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งแต่ละรายการจะคำนวณตามราคาประเมินทุนทรัพย์หรือราคาซื้อขายจริง (แล้วแต่ว่าอย่างไหนสูงกว่า) และระยะเวลาการถือครองของผู้ขาย

กรณีถือครองมาแล้วน้อยกว่า 5 ปี

สำหรับ บ้านมือสอง ที่ผู้ขายถือครองมาแล้วน้อยกว่า 5 ปี ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: 2% ของราคาประเมิน (ปกติผู้ซื้อและผู้ขายรับผิดชอบฝ่ายละครึ่ง)
  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ: 3.3% ของราคาซื้อขาย (ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ)
  • ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาซื้อขาย (ผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบ)
  • ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย: คำนวณตามเกณฑ์ของกรมสรรพากร (ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ)
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: ค่าคำขอ ค่าพยาน ค่ามัดจำ ฯลฯ

กรณีถือครองมาแล้วมากกว่า 5 ปี

กรณี บ้านมือสอง ที่ถือครองมานานกว่า 5 ปี จะได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ

  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์: 2% ของราคาประเมิน (แบ่งจ่ายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย)
  • ค่าอากรแสตมป์: 0.5% ของราคาซื้อขาย (ผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบ)
  • ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย: คำนวณตามเกณฑ์ของกรมสรรพากร (ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ)
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: เช่นเดียวกับกรณีแรก

ตัวอย่างการคำนวณ บ้านราคาซื้อขาย 2,000,000 บาท ราคาประเมิน 1,800,000 บาท ผู้ขายถือครองมา 3 ปี

  • ค่าธรรมเนียมโอน: 1,800,000 × 2% = 36,000 บาท (ผู้ซื้อและผู้ขายรับผิดชอบฝ่ายละ 18,000 บาท)
  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ: 2,000,000 × 3.3% = 66,000 บาท (ผู้ขายรับผิดชอบ)
  • ค่าอากรแสตมป์: 2,000,000 × 0.5% = 10,000 บาท (ผู้ซื้อรับผิดชอบ)

5 ค่าใช้จ่ายสำคัญในการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

5 ค่าใช้จ่ายสำคัญในการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมและภาษีที่ต้องชำระให้แก่หน่วยงานรัฐแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ โอนบ้านมือสอง ที่ผู้ซื้อควรพิจารณาเพื่อวางแผนทางการเงินให้ครอบคลุม ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามสถาบันการเงินและลักษณะของทรัพย์สินที่ซื้อขาย มาดูกันว่า 5 ค่าใช้จ่ายสำคัญในการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง มีค่าอะไรบ้าง

1. ค่าประเมินราคา

ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและประเมินมูลค่าของ บ้านมือสอง เพื่อกำหนดวงเงินกู้ที่เหมาะสม โดยค่าประเมินจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลของทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายนี้มักเป็นความรับผิดชอบของผู้ซื้อ แต่บางธนาคารอาจยกเว้นให้ภายใต้เงื่อนไขโปรโมชันหรือแคมเปญพิเศษ สำหรับกรณีซื้อด้วยเงินสดโดยไม่กู้ธนาคาร จะไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้

2. ค่าจดจำนองซื้อบ้านมือสอง

สำหรับผู้ที่ใช้สินเชื่อในการซื้อ บ้านมือสอง จะมีค่าจดจำนองซึ่งคิดในอัตรา 1% ของวงเงินกู้ เช่น หากกู้ 2 ล้านบาท ค่าจดจำนองจะอยู่ที่ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรัฐบาลมักมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วยการลดค่าจดจำนองเหลือ 0.01% เป็นระยะ ผู้ซื้อควรตรวจสอบมาตรการที่มีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาที่จะทำการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดทางการเงิน

3. ค่าประกันบ้านมือสอง

การทำประกันภัยเป็นเงื่อนไขบังคับของธนาคารสำหรับการกู้ซื้อ บ้านมือสอง โดยแบ่งเป็น

  • ประกันอัคคีภัย: คุ้มครองโครงสร้างบ้านกรณีเกิดไฟไหม้ เป็นประกันภาคบังคับที่ธนาคารกำหนด เบี้ยประกันประมาณ 0.06-0.1% ของทุนประกัน
  • ประกันคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน: ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านรวมถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติอื่นๆ เป็นประกันภาคสมัครใจ
  • ประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA): คุ้มครองในกรณีผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ทำให้ไม่ต้องผ่อนชำระต่อ เป็นประกันภาคสมัครใจที่ผู้กู้ควรพิจารณาตามความเหมาะสม

4. ค่าขอมิเตอร์น้ำและไฟฟ้า

เมื่อซื้อ บ้านมือสอง ผู้ซื้อต้องดำเนินการโอนเปลี่ยนชื่อมิเตอร์น้ำและไฟฟ้าจากเจ้าของเดิมมาเป็นชื่อของตน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายดังนี้

  • ค่าโอนมิเตอร์ไฟฟ้า: ประมาณ 100-300 บาท บวกกับค่าประกันการใช้ไฟฟ้าซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดมิเตอร์ (ประมาณ 1,000-3,000 บาท)
  • ค่าโอนมิเตอร์น้ำประปา: ประมาณ 200-500 บาท บวกกับค่าประกันการใช้น้ำประมาณ 1,000 บาท

ในบางกรณี อาจมีค่ามัดจำเพิ่มเติมหากทรัพย์สินอยู่ในโครงการจัดสรรที่มีการบริหารจัดการโดยนิติบุคคล

5. ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ

เมื่อดำเนินการโอนบ้านมือสองยังมีค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

  • ค่าคำขอ: 5-20 บาทต่อรายการ
  • ค่าพยาน: 10-20 บาทต่อคน
  • ค่าส่วนกลางล่วงหน้า: สำหรับบ้านในโครงการจัดสรรหรือคอนโด (ขึ้นอยู่กับนโยบายของนิติบุคคล)
  • ค่าทำความสะอาดและซ่อมแซม: กรณีบ้านมือสองที่ต้องการปรับปรุงก่อนเข้าอยู่
  • ค่าที่ปรึกษากฎหมาย: กรณีต้องการความช่วยเหลือด้านเอกสารและกระบวนการทางกฎหมาย
  • ค่าธรรมเนียมธนาคาร: ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมและการเปิดวงเงินสินเชื่อ

4 ขั้นตอนการโอนบ้านมือสองและคอนโดมือสอง

ขั้นตอนการโอนบ้านมือสองมีความซับซ้อนและต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามลำดับ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง การเข้าใจกระบวนการทั้งหมดจะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจและการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

1. เตรียมค่าใช้จ่าย

ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ บ้านมือสอง ผู้ซื้อและผู้ขายควรตกลงกันให้ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้าง โดยปกติค่าธรรมเนียมการโอนจะแบ่งกันคนละครึ่ง ผู้ซื้อรับผิดชอบค่าอากรแสตมป์และค่าจดจำนอง ส่วนผู้ขายรับผิดชอบภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น สามารถตกลงเจรจาต่อรองกันได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ควรเตรียมเงินสดหรือแคชเชียร์เช็กให้พร้อม เนื่องจากจะต้องชำระค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ ในวันโอนกรรมสิทธิ์

2. เตรียมเอกสาร

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเป็นขั้นตอนสำคัญในการโอนบ้านมือสอง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายควรตรวจสอบรายการเอกสารที่จำเป็นตามที่ระบุในหัวข้อ “เอกสารที่ใช้ในการโอน” ก่อนหน้านี้ ให้แน่ใจว่ามีเอกสารครบถ้วนและถูกต้อง รวมถึงเอกสารพิเศษกรณีมีเงื่อนไขเฉพาะ เช่น หนังสือยินยอมของคู่สมรส หนังสือรับรองการปลอดหนี้จากนิติบุคคล หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินจากธนาคาร การขาดเอกสารแม้เพียงฉบับเดียวอาจทำให้ต้องเลื่อนการโอนกรรมสิทธิ์ออกไป

3. โอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน

เมื่อเตรียมเงินและเอกสารพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการไปโอนบ้านมือสองที่สำนักงานที่ดินในเขตที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ โดยมีขั้นตอนย่อยดังนี้

  • ยื่นคำขอและเอกสาร: ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องมาดำเนินการพร้อมกัน ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง
  • ชำระค่าธรรมเนียมและภาษี: เจ้าหน้าที่จะคำนวณค่าธรรมเนียมและภาษีที่ต้องชำระ จากนั้นจึงออกใบเสร็จรับเงิน
  • ลงนามในเอกสาร: ทั้งสองฝ่ายต้องลงนามในสัญญาและเอกสารต่างๆ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่
  • จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์: เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจดทะเบียนและบันทึกการเปลี่ยนแปลงในโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์

กรณีที่มีการกู้เงินจากธนาคาร ตัวแทนธนาคารจะต้องมาร่วมดำเนินการด้วย เพื่อจดจำนองทรัพย์สินเป็นหลักประกันเงินกู้ทันทีหลังการโอนกรรมสิทธิ์

4. รอเจ้าหน้าที่ดำเนินการ

หลังจากดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ไปดำเนินการต่อ ได้แก่

  • พิมพ์สลักหลังโฉนด: เจ้าหน้าที่จะพิมพ์รายละเอียดการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนอง (ถ้ามี) ด้านหลังโฉนด
  • ตรวจสอบความถูกต้อง: หลังจากพิมพ์สลักหลังแล้ว จะมีการตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
  • นายทะเบียนลงนาม: นายทะเบียนจะลงนามรับรองการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนอง
  • รับโฉนด: กรณีไม่มีการจดจำนอง ผู้ซื้อจะได้รับโฉนดไปเก็บรักษาเอง แต่หากมีการจดจำนอง ธนาคารจะเป็นผู้เก็บ

G H Bank พร้อมสานฝันให้คนไทยมีบ้านเป็นของตัวเอง

G H Bank พร้อมสานฝันให้คนไทยมีบ้านเป็นของตัวเอง

การโอนบ้านมือสองเป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายของการเป็นเจ้าของบ้าน และการตรวจรับบ้านก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการได้รับสินเชื่อที่เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หรือ G H Bank เป็นสถาบันการเงินที่มุ่งมั่นสนับสนุนให้คนไทยทุกระดับมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายและยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อสำหรับซื้อทรัพย์ บ้านมือสอง

ถ้าคุณเป็นผู้ที่กำลังมองหาบ้านหลังแรก คอนโดใกล้ที่ทำงาน หรือกำลังวางแผนขยายครอบครัว G H Bank พร้อมเคียงข้างคุณในทุกช่วงชีวิต เพื่อสานฝันให้คุณมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงในราคาที่จับต้องได้

หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่

หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center :  0-2645-9000 กด 5

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

เช่าหรือซื้อบ้านดี เปรียบเทียบทุกแง่มุม ข้อดี-ข้อเสีย พร้อมค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียม เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าแบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณมากที่สุด
เปิดเทียบความแตกต่าง อพาร์ทเม้นท์กับหอพักต่างกันยังไง ในเชิงกฎหมาย การจดทะเบียน เงื่อนไขผู้เช่า และการประกอบกิจการ พร้อมข้อมูลสินเชื่อลงทุน
วิธีเช็กรอยร้าวแบบไหนอันตรายหลังแผ่นดินไหว จากรอยแตกเส้นผมที่อันตรายต่ำ จนถึงรอยแตกเฉียงที่ต้องระวังมากที่สุด พร้อมวิธีแจ้งเจ้าหน้าที่และเงินเยียวยา

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน