บทความนี้มาดูกันว่า ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง จะต้องตรวจเชกในเรื่องไหนบ้าง และนอกจากเรื่องของสภาพบ้านต้องตรวจเช็กอะไรเพิ่มเติมอีก
ซื้อบ้านมือสอง เป็นหนึ่งในทางเลือกของคนอยากมีบ้าน ที่ต้องการบ้านในทำเลดี มีโครงสร้างบ้านเดิมอยู่แล้ว เพียงแค่ซื้อมารีโนเวทก็ดูสวยพร้อมอยู่ เหมือนได้บ้านใหม่ในราคาที่สบายกระเป๋า
แต่ในการซื้อบ้านสอง มีสิ่งที่ต้องเช็กให้ดี เพื่อป้องกันการถูกหลอก จากการปกปิดปัญหาของบ้านที่เกิดขึ้น จนอาจเป็นอันตรายต่อการเข้าอยู่ ทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมให้บ้านกลับมาแข็งแรง
บทความนี้มาดูกันว่า ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านมือสองสักหลังหนึ่ง จะต้องตรวจเช็กในเรื่องไหนบ้าง และนอกจากเรื่องของสภาพบ้านต้องตรวจเช็กอะไรเพิ่มเติมอีก เพื่อให้การซื้อบ้านมือสองคุ้มค่า มีความสุขต่อการอยู่อาศัยได้มากที่สุด
ทำไมต้องตรวจบ้านมือสองก่อนซื้อ
บ้านมือสอง คือ บ้านที่เจ้าของบ้านตัดสินใจขายต่อให้กับเจ้าของใหม่ ซึ่งมีจุดเด่นที่ราคาของบ้านจะถูกลงกว่าบ้านใหม่มือหนึ่ง แต่บ้านมือสองเป็นบ้านที่เคยผ่านการอยู่อาศัยมาแล้ว ตัวบ้านจึงเกิดการเสื่อมสภาพตามระยะเวลาและการใช้งานจากเจ้าของเดิม
ซึ่งถ้าหากไม่มีการตรวจเช็คสภาพบ้านก่อนการซื้อ โดยดูแค่จากภาพถ่ายหรือจากดูจากภายนอกเพียงอย่างเดียวแล้วตัดสินใจซื้อ ก็อาจเจอปัญหาใหญ่ภายหลังที่ทำให้ต้องเสียเงินก้อนใหญ่เพื่อซ่อมแซม จนทำให้รู้สึกไม่คุ้มค่ากับการซื้อมา
7 ขั้นตอนการซื้อขายบ้านมือสอง
การซื้อบ้านมือสองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่มีงบประมาณอยู่อย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการซื้อขายบ้านมือสองอาจมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงมากกว่าการซื้อบ้านใหม่ มาดูกันว่า 7 ขั้นตอนการซื้อขายบ้านมือสองมีอะไรบ้าง
- เลือกโครงการบ้านมือสองที่สนใจ
ขั้นตอนแรกของการซื้อบ้านมือสองคือการเลือกโครงการหรือบ้านที่ตรงกับความต้องการของคุณ ในการเลือกบ้านมือสอง ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน เริ่มจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งควรเหมาะกับการเดินทางและการใช้ชีวิตของคุณ สภาพแวดล้อมโดยรอบก็มีความสำคัญ ควรพิจารณาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า
นอกจากนี้ สภาพของตัวบ้านเองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ควรตรวจสอบสภาพโครงสร้างและการตกแต่งของบ้านอย่างละเอียด ขนาดและพื้นที่ใช้สอยควรเหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว และที่สำคัญไม่แพ้กันคือราคา ซึ่งควรพิจารณาเปรียบเทียบกับบ้านในละแวกเดียวกัน การเลือกบ้านมือสองที่ดีจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและซ่อมแซมในอนาคต
1. เลือกโครงการบ้านมือสองที่สนใจ
ขั้นตอนแรกของการซื้อบ้านมือสองคือการเลือกโครงการหรือบ้านที่ตรงกับความต้องการของคุณ ในการเลือกบ้านมือสอง ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน เริ่มจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งควรเหมาะกับการเดินทางและการใช้ชีวิตของคุณ สภาพแวดล้อมโดยรอบก็มีความสำคัญ ควรพิจารณาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า
นอกจากนี้ สภาพของตัวบ้านเองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ควรตรวจสอบสภาพโครงสร้างและการตกแต่งของบ้านอย่างละเอียด ขนาดและพื้นที่ใช้สอยควรเหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว และที่สำคัญไม่แพ้กันคือราคา ซึ่งควรพิจารณาเปรียบเทียบกับบ้านในละแวกเดียวกัน การเลือกบ้านมือสองที่ดีจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและซ่อมแซมในอนาคต
2. ติดต่อสถาบันการเงิน
หลังจากเลือกบ้านที่สนใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อบ้าน ในขั้นตอนนี้ คุณควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขสินเชื่อจากหลาย ๆ ธนาคาร เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ควรตรวจสอบความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเองอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
การเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นขอสินเชื่อก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยทั่วไปจะต้องเตรียมหลักฐานรายได้ เอกสารยืนยันตัวตน และเอกสารอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด นอกจากนี้ ควรสอบถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง เพื่อวางแผนการเงินได้อย่างครบถ้วน การได้รับการอนุมัติสินเชื่อเบื้องต้นจะช่วยให้คุณทราบวงเงินที่สามารถกู้ได้และเพิ่มความมั่นใจในการเจรจาต่อรองกับผู้ขาย
3. เตรียมเอกสาร
การเตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายบ้านมือสองเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น สำหรับผู้ซื้อ เอกสารที่ต้องเตรียมมักจะประกอบด้วยบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หลักฐานการสมรส (ถ้ามี) หลักฐานทางการเงิน เช่น สลิปเงินเดือน statement บัญชีธนาคาร และเอกสารการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร (กรณีกู้ซื้อบ้าน)
ในส่วนของผู้ขาย จะต้องเตรียมโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ แบบแปลนบ้าน ใบอนุญาตก่อสร้าง และเอกสารการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจะช่วยลดความล่าช้าในกระบวนการซื้อขายและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
4. ทำสัญญาจะซื้อจะขาย
การทำสัญญาจะซื้อจะขายเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สัญญาควรระบุรายละเอียดที่สำคัญอย่างครบถ้วน เช่น ชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อและผู้ขาย รายละเอียดของบ้านและที่ดิน ราคาซื้อขายและเงื่อนไขการชำระเงิน กำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์ เงื่อนไขการส่งมอบบ้าน ข้อตกลงเกี่ยวกับภาระผูกพันต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขการยกเลิกสัญญาและบทลงโทษ
ควรให้ทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายตรวจสอบสัญญาก่อนลงนาม เพื่อให้มั่นใจว่าสัญญามีความครบถ้วนและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย การทำสัญญาที่รัดกุมจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกหลอกและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
5. วางเงินประกันการเสนอซื้อ
หลังจากทำสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ซื้อจะต้องวางเงินประกันการเสนอซื้อ (หรือเงินมัดจำ) ให้กับผู้ขาย โดยทั่วไปมักจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% ของราคาบ้าน การวางเงินประกันมีความสำคัญในการแสดงความจริงจังในการซื้อบ้าน และยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ขายนำบ้านไปเสนอขายให้ผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม ควรระบุเงื่อนไขการคืนเงินประกันในกรณีที่การซื้อขายไม่สำเร็จไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายให้ชัดเจน เพื่อป้องกันข้อพิพาทในอนาคต การวางเงินประกันควรทำอย่างระมัดระวังและมั่นใจว่าได้ตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
6. ตรวจเช็กสภาพบ้าน
ก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อควรทำการตรวจสอบสภาพบ้านอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านอยู่ในสภาพที่ตกลงกันไว้ในสัญญา การตรวจสอบควรครอบคลุมทุกส่วนของบ้าน ตั้งแต่โครงสร้าง ระบบไฟฟ้า ระบบประปา หลังคาและฝ้าเพดาน ประตูและหน้าต่าง ไปจนถึงพื้นและผนัง
หากพบปัญหาใด ๆ ควรแจ้งผู้ขายและตกลงเรื่องการซ่อมแซมก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้น และยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่าคุณกำลังได้รับบ้านในสภาพที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
7. นัดโอนบ้าน
ขั้นตอนสุดท้ายของการซื้อขายบ้านมือสองคือการนัดโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน ในวันโอน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องนำเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาด้วย รวมถึงเตรียมเงินสำหรับชำระค่าใช้จ่ายในการโอน เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
ในระหว่างการโอน ควรตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์อย่างละเอียดก่อนลงนาม เมื่อการโอนเสร็จสิ้น ผู้ซื้อจะได้รับโฉนดที่ดินและกุญแจบ้าน ซึ่งเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขายบ้านมือสองอย่างสมบูรณ์
แนะนำช่องทางซื้อบ้านมือสองไม่ให้โดนหลอก
นอกจากการซื้อบ้านมือสองกับเจ้าของบ้านโดยตรงแล้ว คุณยังสามารถเลือกซื้อบ้านมือสองกับธนาคาร ที่ช่วยให้คุณสบายใจในการซื้อ เพราะบ้านมือสองทุกหลังจะผ่านการคัดสรรคุณภาพมาอย่างดี สภาพบ้านพร้อมอยู่ ติดต่อซื้อขายได้ง่าย พร้อมขอสินเชื่อกับธนาคารได้อีกด้วย
ซื้อบ้านมือสองกับ ธอส. ได้จากที่ไหนบ้าง?
ธอส. มีบ้านมือสองคุณภาพดี บนทำเลทอง พร้อมราคาที่คุ้มค่า ให้คุณเลือกซื้อได้มากกว่า 10,000 รายการทั่วประเทศ โดยคุณสามารถเลือกดูบ้านมือสองได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.ghbhomecenter.com และ Mobile Application : GHB ALL HOME พร้อมดูข้อมูล นัดหมายเข้าชม และจองซื้อทรัพย์ได้เลย
สินเชื่อจาก ธอส. ช่วยให้คุณเลือกซื้อบ้านมือสองที่ต้องการได้
ในการเลือกซื้อบ้านมือสองที่ถูกใจ หากซื้อผ่านธนาคารแล้ว จะช่วยให้คุณสบายใจได้ ว่าบ้านมือสอง พร้อมเข้าอยู่ ตรงกับความต้องการ มีหลายทำเล ทั่วประเทศ ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกหลอก พร้อมขอสินเชื่อบ้านมือสองกับ ธอส. ได้เลย
หากคุณสนใจใช้สิทธิ์ยื่นขอสินเชื่อซื้อบ้านมือสองกับ ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้านที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.ghbank.co.th
ติดต่อ G H BANK Call Center : 02 645 9000