การมีบ้านเป็นของตัวเองคือความฝันของใครหลายคน บ้านมือสองที่ราคาเข้าถึงง่ายจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่การจะไปให้ถึงฝันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีรายละเอียดและเงื่อนไขที่ต้องศึกษาให้ดี โดยเฉพาะขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสอง ซึ่งมีความซับซ้อนและแตกต่างจากการซื้อบ้านใหม่พอสมควร บทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจทุกขั้นตอน เพื่อให้การขอสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปดูกันเลย
8 ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสอง
ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสองเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น การทำความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้เราสามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง และทำให้เราเข้าใกล้ความฝันในการมีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น
1. เปรียบเทียบดอกเบี้ยจากธนาคารต่าง ๆ
สิ่งแรกที่ควรทำคือการเปรียบเทียบดอกเบี้ยบ้านมือสองจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพราะแต่ละธนาคารมีข้อเสนอและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ทั้งอัตราดอกเบี้ย วงเงินกู้สูงสุด และระยะเวลาผ่อนชำระ การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจะช่วยให้เราเลือกข้อเสนอที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับความสามารถทางการเงินของเรามากที่สุด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อยอดผ่อนบ้านมือสองในระยะยาว ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมากตลอดอายุสัญญา
2. ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ
ก่อนยื่นกู้เงินซื้อบ้านมือสองเราจำเป็นต้องประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเองก่อน โดยทั่วไปแล้ว ภาระหนี้ทั้งหมดไม่ควรเกิน 40-50% ของรายได้ต่อเดือน การคำนวณรายรับ รายจ่าย และหนี้สินที่มีอยู่ จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมสถานะทางการเงินของตัวเอง และสามารถกำหนดวงเงินกู้บ้านมือสองที่เหมาะสมได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต และทำให้การผ่อนชำระเป็นไปอย่างสบายใจ
3. ตรวจสอบคุณสมบัติและเตรียมเอกสารให้พร้อม
หลังจากเลือกธนาคารและประเมินความสามารถของตนเองแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการเตรียมเอกสารเพื่อขอสินเชื่อบ้านมือสอง เอกสารที่ต้องใช้โดยทั่วไป เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารทางการเงิน สลิปเงินเดือน Statement และสำเนาโฉนดที่ดิน การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องตามที่ธนาคารกำหนด จะช่วยให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อซื้อบ้านมือสองเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. ขออนุมัติสินเชื่อ
เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้วก็ถึงเวลายื่นเรื่องกู้ธนาคารซื้อบ้านมือสองอย่างเป็นทางการ โดยเราสามารถยื่นคำขอสินเชื่อเบื้องต้นเพื่อประเมินวงเงินกู้สูงสุดที่เราจะได้รับจากธนาคารก่อนได้ โดยขั้นตอนนี้จะช่วยให้เราทราบถึงความเป็นไปได้ในการได้รับอนุมัติ และทำให้เราสามารถเจรจาต่อรองกับผู้ขายได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการกู้เงินซื้อบ้านมือสองที่ไม่ควรมองข้าม
5. ธนาคารประเมินราคาบ้าน
หลังจากยื่นกู้แล้วธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาทรัพย์สินหรือบ้านที่เราต้องการซื้อ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อ โดยปกติแล้ววงเงินกู้ที่ได้รับจะอยู่ที่ประมาณ 80-95% ของราคาประเมิน ซึ่งราคาประเมินนี้อาจไม่เท่ากับราคาซื้อขายจริง ดังนั้น การเตรียมเงินส่วนต่างสำหรับวางดาวน์จึงเป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่งในขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสอง
6. อนุมัติสินเชื่อ
เมื่อธนาคารพิจารณาคุณสมบัติรายได้และราคาประเมินหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว จะแจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อให้เราทราบ ซึ่งจะระบุวงเงินกู้ที่ได้รับการอนุมัติ อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อนชำระไว้อย่างชัดเจน ควรอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ในสัญญาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงนาม เพื่อให้แน่ใจว่าเราเข้าใจและยอมรับข้อตกลงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านมือสองในครั้งนี้
7. ทำสัญญาจะซื้อจะขาย
ก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำสัญญาจะซื้อจะขายร่วมกัน เพื่อเป็นหลักฐานและข้อตกลงเบื้องต้น โดยในสัญญาจะระบุรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ เช่น ราคาซื้อขาย จำนวนเงินมัดจำ และกำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งขั้นตอนนี้มักจะทำควบคู่ไปกับการยื่นขอสินเชื่อ หรือทำหลังจากได้รับการอนุมัติเบื้องต้นแล้ว นับเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการซื้อขายบ้านมือสองที่มีความสำคัญ
8. ติดต่อโอนกรรมสิทธิ์
ขั้นตอนสุดท้ายคือการนัดวัน ณ กรมที่ดิน เพื่อทำการโอนบ้านมือสองอย่างเป็นทางการ โดยมีผู้ซื้อ ผู้ขาย และเจ้าหน้าที่จากธนาคารมาร่วมดำเนินการพร้อมกันในวันโอนกรรมสิทธิ์ จะมีการชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าโอนบ้านมือสอง ค่าจดจำนอง และค่าอากรแสตมป์ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราก็จะได้รับโฉนดที่ดิน (ฉบับเจ้าของบ้าน) และกุญแจบ้านมาครอบครองอย่างสมบูรณ์
คำแนะนำการผ่อนบ้านมือสอง
เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อและเป็นเจ้าของบ้านสมใจแล้ว การบริหารจัดการภาระหนี้อย่างชาญฉลาดคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราผ่อนบ้านมือสองได้หมดไวยิ่งขึ้น และยังช่วยลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว การวางแผนที่ดีจะทำให้การเป็นเจ้าของบ้านเป็นเรื่องที่สร้างความสุข ไม่ใช่ภาระที่หนักอึ้ง
โปะเงินต้นเมื่อมีเงินก้อน
การนำเงินก้อนพิเศษที่ได้รับ เช่น โบนัส หรือเงินพิเศษอื่น ๆ มาโปะยอดหนี้ จะช่วยให้เงินต้นลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลโดยตรงทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดถัด ๆ ไปลดลงตามไปด้วย วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการช่วยย่นระยะเวลาการผ่อนชำระ และทำให้เราเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาสินเชื่อบ้านมือสอง
เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน
ชีวิตมีความไม่แน่นอนการเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน จะช่วยสร้างความอุ่นใจและเป็นกันชนทางการเงิน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การตกงาน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินด้านสุขภาพ เงินก้อนนี้จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตและผ่อนชำระค่างวดบ้านต่อไปได้โดยไม่สะดุด และไม่สร้างปัญหาหนี้สินเพิ่มเติมในอนาคต
รีไฟแนนซ์ทุก 3–5 ปี
การรีไฟแนนซ์ไปยังสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่เสนอดอกเบี้ยบ้านมือสองในอัตราที่ต่ำกว่า จะช่วยลดภาระค่างวดต่อเดือนและประหยัดค่าดอกเบี้ยโดยรวมได้เป็นจำนวนมาก ควรเริ่มมองหาโปรโมชันรีไฟแนนซ์ใหม่ ๆ ก่อนครบกำหนดสัญญาเดิมประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวและดำเนินการได้ทันท่วงที
ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยบ้าน
ดอกเบี้ยที่เราจ่ายสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยในแต่ละปี สามารถนำไปใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่กฎหมายกำหนดสูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี การใช้สิทธิ์นี้จะช่วยให้เราได้รับเงินภาษีคืน ซึ่งสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่าย หรือนำกลับไปโปะเงินต้นเพื่อลดภาระหนี้สินให้หมดเร็วยิ่งขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

สรุป การกู้ซื้อบ้านมือสอง
ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสองอาจดูมีรายละเอียดหลายอย่าง แต่หากเรามีการเตรียมตัวและวางแผนที่ดี ตั้งแต่การเปรียบเทียบดอกเบี้ย การประเมินตนเอง ไปจนถึงการเตรียมเอกสาร จะช่วยให้การกู้เงินซื้อบ้านมือสองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด สำหรับคนที่กำลังมองหาสินเชื่อกู้บ้านมือสอง เราขอแนะนำสินเชื่อสำหรับซื้อทรัพย์บ้านมือสอง ธอส. สำหรับลูกค้าที่จะซื้อบ้านมือสองของ ธอส. หรือทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการผ่อนดาวน์กับ ธอส.
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000