เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมีเงินเพียงพอสำหรับกรณีฉุกเฉิน ซึ่งวัยเกษียณเป็นช่วงอายุที่หารายได้ได้ค่อนข้างยาก
การวางแผนเกษียณอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายคน เพราะเป็นการวางแผนในอีกสามสิบสี่สิบปีข้างหน้า ทั้งที่จริงแล้วการวางแผนเกษียณสำคัญพอๆ กับการวางแผนการเงินเลยทีเดียว เพราะเป็นการบริหารการเงินหลังเกษียณ เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมีเงินเพียงพอสำหรับกรณีฉุกเฉิน ซึ่งวัยเกษียณเป็นช่วงอายุที่หารายได้ได้ค่อนข้างยาก จึงควรมีเงินเก็บสำรองไว้ใช้
5 วิธีวางแผนเกษียณให้มีเงินเก็บ ใช้ชีวิตสบาย และมีความสุข
การจะมีชีวิตที่สบายในวัยเกษียณนั้น ต้องอาศัยการวางแผนอนาคตที่รอบคอบและเริ่มต้นแต่เนิ่น ๆ มาดูกันว่ามีวิธีการวางแผนอย่างไรบ้าง
1. พิจารณาอายุที่ต้องการเกษียณ
การกำหนดอายุเกษียณเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการวางแผนเกษียณ คุณต้องพิจารณาว่าต้องการเกษียณเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณก่อนกำหนดที่อายุ 55 ปี หรือเกษียณตามปกติที่อายุ 60 ปี การกำหนดอายุเกษียณจะช่วยให้คุณสามารถคำนวณระยะเวลาในการเก็บออมและจำนวนเงินที่ต้องเก็บได้อย่างแม่นยำ
2. คำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
การคำนวณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนเกษียณ คุณควรประมาณการค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมที่ต้องการทำหลังเกษียณ โดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ประมาณการค่าใช้จ่ายหลังเกษียณที่ 70-80% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน
3. มองหาช่องทางการลงทุน
การลงทุนเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มพูนเงินออมสำหรับวางแผนเกษียณ คุณสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายรูปแบบ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พันธบัตรรัฐบาล ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
4. ซื้อประกันสุขภาพ
สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในวัยเกษียณ การมีประกันสุขภาพที่ดีจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคต ควรเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมการรักษาโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และมีวงเงินคุ้มครองที่เพียงพอ
5. มองหางานอดิเรก
การมีงานอดิเรกที่สร้างสรรค์จะช่วยให้ชีวิตหลังเกษียณมีความสุขและมีความหมายมากขึ้น อาจเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้เสริม เช่น การทำสวน งานฝีมือ การสอนพิเศษ การเขียนบล็อก หรือการทำธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก
ข้อควรคิดก่อนเริ่มเกษียณ

อายุสำหรับเกษียณการทำงานขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละคน ถ้าตามวาระอาจจะ 60 หรือบางคน 45 ก็อยากเบรกช่วงวัยทำงานแล้ว ทำให้ต้องคิดต่อว่าหลังเกษียณจะหารายได้จากไหนเพื่อให้ในช่วงวัยนี้มีความสุขสบาย คำตอบก็คือ เงินเก็บในวัยทำงาน เงินส่วนนี้นี่เองที่จะทำให้ช่วงเกษียณของคุณสุขสบาย แต่ก่อนจะเริ่มเก็บเงินเกษียณต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเก็บเงินก่อน
จะเกษียณตอนอายุเท่าไหร่
เหตุผลที่ช่วงอายุเกษียณสำคัญเพราะจะส่งผลต่อจำนวนเงินที่ต้องเก็บออมในแต่ละเดือน เช่น อายุ 25 อยากเกษียณช่วงอายุ 45 แสดงว่ามีเวลาเก็บเงินเพียง 20 ปี ยังไม่รวมถึงการสร้างฐานะและมีทรัพย์สินที่เพียงพอสำหรับครอบครัว เพราะวัยเกษียณไม่ควรมีหนี้สินแล้ว
เนื่องจากเป็นวัยที่หารายได้ได้ค่อนข้างยาก หากมีภาระที่ต้องจ่ายอาจจะสร้างความเครียด ซึ่งส่งผลไม่ดีต่อวัยช่วงนี้อย่างมาก นอกจากนี้ระยะเวลาที่เก็บเงินเกษียณยังส่งผลต่อชนิดการลงทุน ดอกเบี้ยที่ได้รับ และมูลค่าที่ได้รับอีกด้วย
อยากมีเงินใช้ต่อเดือนเท่าไหร่หากเกษียณอายุแล้ว
เมื่อทราบช่วงอายุแล้ว จะทราบจำนวนเงินก้อนทั้งหมดได้ก็เกิดจากจำนวนเงินต่อเดือนที่จะใช้ในวัยเกษียณ เช่น อยากมีชีวิตสุขสบายมีเงินดูแลลูกหลาน อาจจะวางที่ 30,000 บาทต่อเดือน (ขึ้นอยู่กับความพอใจแต่ละบุคคล) โดยคาดการณ์ว่าช่วงเกษียณของตนเองประมาณ 20 ปี แสดงว่าต้องมีเงินช่วงเกษียณประมาณ 7.2 ล้านบาท ภายใต้ระยะเวลาทำงานทั้งหมดที่มี
เมื่อวิเคราะห์ตามความต้องการและรายได้ที่มี ก็จะทราบทันทีว่าจำนวนเงินที่มีปัจุบันพอไหวหรือเปล่า ต้องมีงานเสริม หรือลงทุนในความเสี่ยงที่สูงขึ้นอีกหรือไม่
ทั้งสองประเด็นนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นมากสำหรับเตรียมตัววางแผนเกษียณ เพราะเป็นข้อมูลหลักที่นักวิเคราะห์การเงินจะวางแผนการเงิน หรือตัวคุณเองที่ต้องบริหารการเงินให้เงินทำงานให้ได้มากที่สุด ภายใต้รายได้ที่มี
ขั้นตอนการวางแผน
การวางแผนเกษียณในแต่ละช่วงอายุ จะมีการบริหารที่แตกต่างกัน เพราะในแต่ละช่วงพฤติกรรมและความเสี่ยงที่ได้รับจะแตกต่าง แต่ยังคงอยู่ในการบริหารสามส่วนใหญ่ๆ คือ เงินออม เงินใช้จ่าย หนี้สิน ซึ่งแต่ละช่วงวัยมีขั้นตอนการวางแผนเกษียณดังนี้
ช่วงแรกเริ่มทำงาน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีสำหรับวางแผนเกษียณ เพราะจ่ายเบี้ยต่อเดือนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมหาศาล หรือเรียกว่า ยิ่งออมเร็วยิ่งได้ผลตอบแทนที่สูงตาม เพราะระยะเก็บออมเงินเกษียณนานเท่าไหร่ความยืดหยุ่นทางการเงินก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น ช่วงนี้เทคนิคการออมคือแบ่งเงินเป็นสองก้อนใหญ่ ๆ คือ ใช้จ่าย และเงินออม
เงินออมนี้อาจจะแบ่งเป็นเงินออมสำหรับยามฉุกเฉิน เงินสำหรับการลงทุนในอนาคต เพราะเปอร์เซ็นต์การออมเงินไม่มีอะไรตายตัวขึ้นอยู่กับความสบายใจของผู้ออม
ในช่วงอายุ 25-35 ปี เป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มต้นวางแผนเกษียณ เพราะยังมีเวลาในการสะสมเงินอีกยาวนาน ควรเน้นการเริ่มวางแผนออมเงินอย่างน้อย 10-15% ของรายได้ ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนดี สร้างวินัยทางการเงิน และเรียนรู้เรื่องการลงทุนอย่างละเอียด
ช่วงวัยกลางคน
ช่วงนี้ความจริงจังในการใช้ชีวิตค่อนข้างสูง การลองผิดลองถูกในการใช้ชีวิตน้อยลง ส่วนใหญ่เลือกที่จะลงทุนหรือหารายได้อื่นเพิ่มเพื่อให้รายได้ต่อเดือนสูงขึ้น เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน ทั้งนี้ในช่วงนี้ภาระในชีวิตจะเริ่มเยอะขึ้นทั้งมาจากครอบครัวและการใช้ชีวิตของตนเอง
เงินที่เริ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ควรขยับเป็น 4 กลุ่มคือ ใช้จ่าย เงินออม หนี้สิน ลงทุน ทั้งสี่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเงินหลักที่จะถูกบริหารต่อเดือน อีกทั้งช่วงนี้การลงทุนสำหรับชีวิตจะเริ่มจริงจังขึ้น ทั้งทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ให้ทั้งกับตัวเองและคนในครอบครัว (ส่วนใหญ่ช่วงเริ่มทำงานจะพึ่งพาประกันจากบริษัทมากกว่า)
ช่วงอายุ 35-50 ปี เป็นช่วงที่ควรเร่งสะสมความมั่งคั่ง โดยเริ่มจากการเพิ่มสัดส่วนการออมเป็น 20-30% ของรายได้ ทบทวนและปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล วางแผนการชำระหนี้ให้หมดก่อนเกษียณ รวมทั้งเริ่มศึกษาเรื่องการทำประกันสุขภาพ
ช่วงใกล้เกษียณ
ช่วงใกล้เกษียณเป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการเกษียณมากเป็นพิเศษ เพราะช่วงเปลี่ยนผ่าน ตรงนี้ถือเป็นการเปลี่ยนสำคัญของชีวิต การจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลในเวลาอันสั้นส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงข้อดีคือจะช่วยให้ได้เงินก้อน แต่ที่ระวังคือเงินก็สามารถหายไปในเวลาอันรวดเร็วเหมือนกัน แต่หากมีคู่คิดวางแผนการเงินที่ดี การลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
ช่วง 5-10 ปีก่อนเกษียณ ควรเน้นการปกป้องเงินออมที่มีด้วยการปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความเสี่ยงต่ำลง เตรียมแผนการใช้เงินหลังเกษียณ จัดการภาระหนี้สินให้หมด รวมทั้งวางแผนมรดกและการส่งต่อทรัพย์สิน
สิ่งที่ต้องระวังในช่วงวัยเกษียณ
ในทุกวัยจะเผชิญปัญหาที่แตกต่างกัน แต่การรับมือปัญหาใดๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากมีการเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ และแก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยช่วงวัยเกษียณสิ่งที่ต้องระวังคือ
หนี้สิน
จากที่กล่าวไปว่าช่วงเกษียณควรอยู่ในช่วงปลอดหนี้เพราะเป็นวัยที่หารายได้ ได้ไม่เยอะจนไม่มีรายได้เลย บางคนเลือกใช้วิธีให้เงินทำงานแทน แต่บางคนก็มีเงินเก็บจากประกันสังคม หรือเงินออมในส่วนต่างๆ ทำให้เงินมีงบอยู่จำกัด การมีภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือสินทรัพย์ก้อนใหญ่ จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการบริหารเงิน แต่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหากมีการวางแผนเกษียณแต่เนิ่นๆ สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้
การดูแลสุขภาพ
สุขภาพเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวัยในช่วงนี้ การเลือกซื้อประกันสุขภาพเป็นวิธีดูแลตนเองที่ดีที่สุด เพราะดูแลทั้งสุขภาพชีวิตและสุขภาพทางการเงิน ความเสี่ยงด้านสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการคุ้มครองไปพร้อมกับการวางแผนการเงิน
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงไหนความเสี่ยงเกิดขึ้นได้เสมอ การคุ้มครองแต่เนิ่นๆ คาดการณ์และหาวิธีป้องกันเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่ดีที่สุด
ควรออมเงินเท่าไร
ในการวางแผนเกษียณ การกำหนดเป้าหมายเงินออมที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีเงินออมอย่างน้อย 25-30 เท่าของค่าใช้จ่ายรายปีที่คาดว่าจะใช้หลังเกษียณ สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีผลิตภัณฑ์สลากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและมีโอกาสถูกรางวัล เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ
การใช้ชีวิตช่วงเกษียณ
การใช้ชีวิตช่วงนี้เหมือนเป็นการชาร์จพลังชีวิตที่ต่อสู้มาในช่วงวัยทำงาน รวมถึงเป็นเสาหลักให้ครอบครัวอีกด้วย เพราะถึงแม้อายุจะมากขึ้นจนเกษียณแล้วแต่หน้าที่เสาหลักในครอบครัวยังคงอยู่เสมอ บางครอบครัวอาจจะให้รางวัลความสำเร็จของลูกหลานเป็นรถ ราคาหลายล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้ควรถูกคิดไปกับเงินเกษียณในช่วงแรกเริ่มด้วย
นอกจากนี้ยังรวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่สามารถเจ็บป่วยได้ตลอดเวลา บางคนอาจต้องคิดถึงขั้นตอนการดูแลรักษาและโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (โรคร้ายบางโรคคาดการณ์ได้จากญาติพี่น้องหรือโรคกรรมพันธ์ุ)
หากแนะนำการทำประกันสุขภาพควบคู่กับเงินเกษียณ หรือจะคิดว่าประกันสุขภาพเป็นเงินออมส่วนหนึ่งก็ได้ เพราะค่ารักษาพยาบาลในวัยนี้ค่อนข้างสูง การประหยัดเงินส่วนนี้ได้ก็เหมือนกับการคุ้มครองชีวิตและเงินเก็บที่สั่งสมมา
การวางแผนเกษียณก็เหมือนกับการซื้อความสุขในช่วงบั้นปลายชีวิต เป็นอีกช่วงสำคัญที่ไม่ใช่แค่ดูแลตนเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสมาชิกในครอบครัวอีกด้วย หากคุณเริ่มคิดเรื่องวิธีวางแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณ สามารถอ่านบทความ วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ หมดปัญหาภาระลูกหลาน วิธีช่วยให้ความฝันวัยเกษียณของคุณเป็นจริง