วางแผนอนาคตอย่างไรเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ

/
/
วางแผนอนาคตอย่างไรเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ

แนะนำการวางแผนอนาคตเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้โดยไม่ขัดสน หาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย!

สังคมไทยกำลังก้าวสังคมสูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ ในอนาคตจะมีผู้เข้าสู่วัยเกษียณมากขึ้น การวางแผนชีวิตหลังเกษียณจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงทั้งด้านการเงิน ด้านที่อยู่อาศัย รวมไปถึงด้านสุขภาพด้วย

บทความนี้ ธอส. จะแนะนำการวางแผนอนาคตเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ เพื่อให้การดำรงชีวิตในอนาคตมีความพอเพียงและมีความสุขในบั้นปลาย เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!

plan-your-future-for-retirement-01

วางแผนอนาคตอย่างไรเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ

การวางแผนอนาคตวัยเกษียณเป็นเรื่องที่มีสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากการดำรงชีวิตของผู้สูงวัยนั้นต้องใช้เงินมากพอสมควร จึงจำเป็นต้องวางแผน และดำเนินการต่างๆ เอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้โดยไม่ขัดสน

ธอส. ขอแนะนำให้คุณวางแผนโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • วางแผนด้านการเงิน

แน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตวัยเกษียณก็คือ เงิน เนื่องจากเมื่อถึงเวลาเกษียณจากงานประจำที่ทำ ทำให้ไม่มีรายรับในส่วนนี้เข้ามา ซึ่งหากไม่มีเงินเก็บ หรือแหล่งเงินได้สำรองไว้ อาจทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตได้

เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการวางแผนด้านการเงินไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยมีวิธีการดังนี้

ประมาณรายจ่ายหลังเกษียณ

เนื่องจากผู้ที่เกษียณจะต้องอยู่โดยไม่มีรายได้จากงานประจำเข้ามาเป็นเวลาหลายสิบปี เพราะฉะนั้นจึงต้องมาทำการประมาณรายจ่ายว่า ต้องมีเงินเท่าไหร่? จึงจะเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ โดยสามารถคำนวณได้ดังนี้

“ ค่าใช้จ่ายต่อปี (70% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน) X จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ ”

ยกตัวอย่าง เช่น ตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 20 ปี หากในปัจจุบันมีรายจ่ายเฉลี่ยเดือนละ 5,000 บาท (ไม่รวมค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย) จะสามารถนำมาคำนวณได้ดังนี้

“ (5,000 บาท X 12 เดือน) X 20 ปี = 1,200,000 บาท ”

จะเห็นได้ว่าผู้ที่เกษียณต้องมีเงินเก็บประมาณ 1,200,000 บาทก่อนอายุ 60 ปี ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินดังกล่าวเป็นเพียงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเท่านั้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพ หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา

แหล่งเงินได้หลังเกษียณ

นอกจากการเก็บเงินแล้ว ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณยังสามารถมีรายได้จากแหล่งเงินต่างๆ ดังนี้

  • กองทุนประกันสังคม หากคุณเป็นพนักงานประจำที่จ่ายเบี้ยประกันสังคมติดต่อกัน 15 ปีขึ้นไป คุณจะได้รับบำนาญชราภาพประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน
  • กองทุนบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ หากคุณเป็นข้าราชการ เมื่อเกษียณอายุจะได้รับ บำนาญเฉลี่ยไม่เกิน 70% ของเงินเดือนเฉลี่ย หรือ บำเหน็จเป็นเงินก้อน = เงินเดือนเดือนสุดท้าย X อายุราชการ
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่นายจ้าง และลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้จ่าย โดยจะสะสมเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 2% – 15% ของเงินเดือน และจะจ่ายคืนให้เมื่อลูกจ้างเกษียณอายุ ออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF เป็นกองทุนระยะยาวที่ต้องทำการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ หุ้น หุ้นต่างประเทศ ทองคำ เป็นต้น
  • ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นการสะสมทรัพย์ในระยะยาวที่จะคืนเบี้ยประกันให้เมื่อผู้เอาประกันเข้าสู่วัยเกษียณอายุ แม้จะมีผลตอบแทนไม่มาก แต่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล หรือเงินชดเชยยามเสียชีวิตอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า เรื่องเงินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตหลังเกษียณ ดังนั้นจึงควรมีการวางแผนอนาคตไว้ให้พร้อมและมีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

plan-your-future-for-retirement-02

  • วางแผนด้านที่อยู่อาศัย

ที่อยู่อาศัย เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญสำหรับวัยเกษียณอายุ เนื่องจากยิ่งอายุมากขึ้น สุขภาพก็ยิ่งเสื่อมโทรม มีเรี่ยวแรงน้อยลงกว่าเดิม หากเป็นบ้านที่ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อรองรับชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ อาจทำให้เกิดอันตรายจากอุบัติเหตุภายในบ้านได้ ดังนั้น จึงควรมีการติดตั้งอุปกรณ์และปรับปรุงส่วนต่างๆ ของบ้านให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ เช่น

  • การติดตั้งราวจับรอบบ้านเพื่อลดอุบัติเหตุจากการล้ม
  • การปรับปรุงห้องน้ำเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากพื้นลื่น
  • การติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว

นอกจากนี้ยังมีจุดอื่นๆ ที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หากต้องการทราบว่า ต้องปรับปรุงที่พักอาศัยอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ สามารถอ่านได้ที่บทความ >>> 5 แนวคิด เนรมิตบ้านในฝันสำหรับผู้สูงอายุ

  • วางแผนด้านสุขภาพ

สุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญกับวัยเกษียณเช่นเดียวกัน เนื่องจากยิ่งมีอายุมากขึ้น โรคภัยต่างๆ ก็เกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งในแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายจากโรคภัยต่างๆ เหล่านี้ ธอส. ขอแนะนำให้คุณทำ ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลลงไปได้มากเลยทีเดียว

แนะนำ! สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage)

สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Reverse Mortgage เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60-80 ปี รูปแบบการให้สินเชื่อจะเป็นแบบย้อนกลับ กล่าวคือผู้กู้นำบ้านที่อยู่อาศัยจำนองไว้กับธนาคารที่ยื่นกู้

โดยธนาคารจะจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้กู้ทุกเดือน เมื่อครบกำหนดจ่ายเงินทุกงวดแล้ว ผู้กู้ยังสามารถอยู่อาศัยต่อในหลักประกันได้จนกว่าจะเสียชีวิต ซึ่งในระหว่างการรับเงินรายเดือน หรือเมื่อรับเงินครบจำนวนตามสัญญากู้เงิน ผู้กู้สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีไถ่ถอนจำนอง เพียงชำระเงินต้น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม

อาจเรียกได้ว่าธนาคารเป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่ายดำรงชีพรายเดือนให้แก่ผู้กู้ โดยมีบ้านที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันนั่นเอง

ซึ่งธนาคารจะให้กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ต่อราย โดยระยะเวลาการกู้อย่างน้อย 6 เดือน และสูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาขอกู้ต้องไม่เกิน 85 ปี

การยื่นกู้โดยใช้ที่ดินพร้อมอาคาร (บ้าน) ค้ำประกัน ธนาคารให้กู้ไม่เกินร้อยละ 50 ของราคาประเมินที่ดินและอาคาร ส่วนการยื่นกู้โดยใช้ห้องชุดค้ำประกัน ให้กู้ไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาประเมินห้องชุด
ผู้ใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จะได้รับประโยชน์ต่างๆ ดังนี้

  • เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ
  • เหมาะกับผู้สูงอายุหรือคนวัยเกษียณที่ไม่ได้รับเงินบำนาญ บำเหน็จ หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในวัยชรา หรือมีไม่เพียงพอ
  • เสริมสภาพคล่องทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
  • มีหลักประกันว่าจะมีรายได้ประจำในแต่ละเดือน
  • นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หมุนชำระภาระหนี้สินต่าง ๆ
  • เงินที่ได้จากธนาคารทุกเดือนแบ่งออกมาเก็บเป็นเงินสำรองได้อีก
  • ยังอยู่อาศัยในบ้านได้ตลอดอายุขัยของผู้กู้

หากคุณกำลังสนใจสินเชื่อ Reverse Mortgage สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ของ ธอส. ได้ที่นี่

เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ หรือติดต่อเราด้วยตัวเองได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ หรือ ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์: 02 645 9000

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

เจาะลึก 9 สาเหตุที่ทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน พร้อมวิธีแก้และเทคนิคการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นกู้ เพื่อให้คุณมีบ้านในฝันได้ง่ายขึ้น
รวมข้อมูลสินเชื่อต่อเติมบ้าน ธอส. 2567 ดอกเบี้ยเริ่ม 2.60% ผ่อนนาน 40 ปี พร้อมเงื่อนไขและคุณสมบัติผู้กู้ที่คุณต้องรู้
การออมเงินที่เหมาะสมสำหรับวัยเกษียณ เปรียบเทียบข้อดีระหว่างหวยเกษียณ เงินฝากประจำ และสลากออมทรัพย์ พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน