สำหรับใครที่อยากซื้อคอนโดแต่ไม่มีเงินก้อนใหญ่สำหรับการนำมาซื้อ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่สามารถช่วยให้คุณได้เป็นเจ้าของคอนโดได้
การได้เป็นเจ้าของคอนโด เป็นอีกหนึ่งความฝันของหลายคนที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่คอนโดก็เป็นทรัพย์ที่มีราคาสูง การหาเงินก้อนโตมาซื้อทีเดียวเลยก็เป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน
สำหรับใครที่อยากซื้อคอนโดแต่ไม่มีเงินก้อนใหญ่สำหรับการนำมาซื้อ มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่สามารถช่วยให้คุณได้เป็นเจ้าของคอนโดได้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนโตทีเดียว พร้อมทั้งวิธีรวมเงินก้อนแรก เพื่อให้การซื้อคอนโดเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ทำความเข้าใจเรื่อง “เงินก้อน” สำหรับซื้อคอนโด

สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลเพื่อซื้อคอนโด จะพบว่าคอนโดมิเนียมหรือห้องชุดที่อยากได้นั้นมีราคาสูงมาก และการจะหาเงินก้อนใหญ่มาซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยก็เป็นไปได้ยาก
ซึ่งจริงๆ แล้วการซื้อคอนโดสามารถทำได้ด้วยการขอสินเชื่อกับธนาคารมาเป็นเงินก้อนใหญ่ และคุณก็ชำระคืนธนาคารเป็นค่างวดรายเดือน ที่จะคำนวณรวมกับดอกเบี้ยและระยะเวลาในการกู้เงินด้วย
แต่การกู้เงินเพื่อซื้อคอนโดจากธนาคารนั้น คุณอาจจะไม่ได้วงเงินเต็มจำนวนของราคาคอนโด ซึ่งทางธนาคารอาจอนุมัติสินเชื่อที่ประมาณ 80-90% ของราคาคอนโดเท่านั้น
ทำให้คุณจะต้องมีเงินสดสำหรับจ่ายในส่วนที่เหลือในรูปแบบของ การดาวน์คอนโด ที่สามารถผ่อนดาวน์กับทางโครงการได้โดยไม่มีดอกเบี้ยจนกว่าคอนโดจะสร้างเสร็จ รวมถึงยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สำหรับการดำเนินการในช่วงแรกของการซื้อคอนโดด้วย
แล้วต้องเก็บเงินก้อนแรกเท่าไหร่ถึงจะซื้อคอนโดได้?
เงินก้อนแรก หรือก้อนเงินสดที่ต้องใช้ในการชำระค่าดำเนินการต่างๆ เมื่อคุณตัดสินใจซื้อคอนโด จะมีอยู่ 4 ส่วน ได้แก่
- ค่าใช้จ่ายช่วงตกลงซื้อคอนโด ได้แก่ ค่าจอง ค่าทำสัญญา รวมแล้วประมาณ 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับโครงการและโปรโมชันที่คุณเลือก
- ค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมยื่นกู้ ค่าประเมินหลักประกัน ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม รวมประมาณ 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับวงเงินกู้
- ค่าใช้จ่ายช่วงโอน ได้แก่ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าอากรแสตมป์ ค่าจดจำนอง รวมประมาณ 50,000 บาท ซึ่งในปี 2565 มีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ในอัตราพิเศษ ทำให้ลดเหลือสูงสุดไม่เกิน 600 บาท
- ค่าใช้จ่ายให้กับโครงการก่อนเข้าอยู่ ได้แก่ ค่ากองทุนส่วนกลาง ค่าส่วนกลางล่วงหน้า ค่าติดตั้งและประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า รวมประมาณ 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชันและข้อกำหนดของทางโครงการคอนโด
รวมเงินสดก้อนแรกที่ต้องเตรียมในการซื้อคอนโด (คิดจากสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท)
- ในกรณีที่ไม่มีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมที่ประมาณ 90,000-100,000 บาท
- ในกรณีที่มีการลดหย่อนค่าธรรมเนียมตามประกาศปี 2565 ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาทเท่านั้น
เริ่มต้นเก็บเงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโด
เมื่อได้รู้แล้วว่าจะซื้อคอนโดต้องใช้เงินสดก้อนแรกที่ประมาณเท่าไร หากว่าคุณยังไม่มีเงินก้อนสำหรับการดำเนินการ มาดูกันว่ามีวิธีการเก็บเงินแบบไหนบ้าง ที่จะช่วยให้คุณเข้าใกล้ความเป็นเจ้าของห้องชุดที่ต้องการ
กับ 5 วิธีออมเงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโดให้เป็นจริงได้

1. วางแผนการออมเงินให้มั่นคง
สำหรับคนที่อยากซื้อคอนโดแต่ไม่มีเงินก้อนแรกในการซื้อคอนโด สามารถเริ่มต้นการเก็บเงินด้วยการวางแผนการออมให้มั่นคงที่สามารถทำได้โดย
- การตั้งเป้าหมายการออมให้ชัดเจน โดยให้ตั้งเป้าไปเลยว่าจะเก็บเงินก้อนที่กี่บาท และจะใช้เวลาในการเก็บนานเท่าไร จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะมีความพร้อมในการดำเนินการซื้อคอนโดในช่วงเวลาไหน
- การแบ่งรายได้เพื่อเก็บออมในแต่ละเดือน โดยวิธีการแบ่งเก็บที่ดีที่สุดนั่นคือ การแบ่งเก็บเท่ากับจำนวนเงินผ่อนแต่ละเดือนกับธนาคาร หรือที่ประมาณ 30-40% ของรายได้ในแต่ละเดือน
เช่น หากคุณมีรายได้ต่อเดือนที่ 25,000 บาท แล้วต้องการเก็บเงินให้ได้ 1 แสนบาท จะต้องแบ่งเก็บ 40% หรือ 10,000 บาท จะใช้เวลาในการเก็บประมาณ 10 เดือน ก็จะได้เงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโดแล้ว
2. แบ่งเงินออมออกจากบัญชีที่ใช้จ่าย
จากข้อก่อนหน้าเราได้รู้วิธีการแบ่งออมที่ได้ผลดีมาแล้ว ต่อไปก็จะเป็นวิธีการเก็บเงินก้อนนี้ให้สามารถสะสมต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยที่คุณจะไม่นำออกมาใช้เลยในระหว่างการเก็บ เพื่อให้แผนของการออมสำเร็จตามเวลาที่ตั้งใจเอาไว้
ซึ่งคุณสามารถทำได้ด้วยวิธีการ แยกบัญชีเงินออมออกจากบัญชีที่ใช้จ่ายปกติ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และสามารถติดตามผลได้ง่ายว่ามียอดคงเหลือที่ต้องออมอีกเท่าไร จึงจะเพียงพอต่อการนำไปซื้อคอนโด
สำหรับบัญชีที่เหมาะกับการออมเงินก้อนจะเป็น บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง ที่จะช่วยให้เงินก้อนที่ทำการฝากในแต่ละเดือน ได้รับผลตอบแทนจากการฝากเงินเพิ่มขึ้น และยังควบคุมไม่ให้คุณถอนออกก่อนกำหนด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเก็บออมในระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 3 ปี
3. วางแผนการใช้จ่ายแต่ละเดือนให้ดี
เมื่อมีการวางแผนการออมเกิดขึ้น ก็ต้องวางแผนเรื่องการใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้ดีด้วย เนื่องจากรายได้ส่วนหนึ่งถูกหักออกไปเก็บเอาไว้แล้ว โดยให้ลองประหยัดค่าใช้จ่าย หรือปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เช่น
- ค่าช้อปปิ้ง ที่อาจลดจำนวนการซื้อต่อเดือนลง หรือซื้อเฉพาะช่วงโปรโมชัน เพื่อให้ได้สินค้าได้ในราคาที่ถูกลง
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ในที่อยู่อาศัย ด้วยการประหยัดการใช้งาน หรือใช้เท่าที่จำเป็น ก็ทำให้บิลค่าใช้จ่ายต่อเดือนเหล่านี้มียอดที่ลดลงได้
- ค่าบริการรายเดือน เช่น ค่าสมาชิกรายเดือนของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ค่าอินเทอร์เน็ต เป็นต้น หากมีบริการไหนที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ก็ให้ยกเลิกการติดตามไปก่อน และมองหาบริการอินเทอร์เน็ตที่ราคาถูกลง ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ลดลงได้
รวมถึงลดการสร้างหนี้สินเพิ่มในช่วงนี้ เนื่องจากอาจกระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณมากขึ้น นอกจากนี้การมีหนี้สินที่ยังจัดการไม่หมด เมื่อมีการขอสินเชื่อซื้อคอนโดกับธนาคาร ก็จะทำให้วงเงินที่ได้รับอนุมัติลดลงไปด้วย
4. หาวิธีต่อยอดเงินออมให้เพิ่มมากขึ้น
หากว่าคุณต้องการต่อยอดเงินออมที่เก็บสะสมมาได้ระยะหนึ่งให้งอกเงยได้มากขึ้น การนำเงินก้อนนั้นไปลงทุน ก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบ แต่เมื่อพูดถึงการลงทุน หลายคนก็อาจจะกลัวว่าเงินก้อนที่นำไปลงทุนนั้น อาจมีความเสี่ยงที่จะลดลงหรือหมดไปได้
ดังนั้น การเลือกวิธีการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและเลือกกระจายการลงทุนให้เหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เงินก้อนของคุณได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีความเสี่ยงต่อการลงทุนน้อยด้วย
เช่น หากคุณมีเงินก้อน 3 หมื่นบาท ก็สามารถเลือกกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ กองทุนรวมหุ้น 50% กองทุนรวมตราสารหนี้ 40% และที่เหลือ 10% ก็เก็บเอาไว้ในบัญชีเงินฝากเพื่อรับดอกเบี้ย เป็นต้น
ถึงแม้การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อาจจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่สูง แต่เมื่อมีการกระจายการลงทุนแล้ว ก็จะทำให้เงินก้อนที่ตั้งใจเก็บงอกเงยได้ดียิ่งขึ้น
*การลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน
5. ลุ้นโชคจากการออม ด้วยสลากออมทรัพย์ ธอส.
อีกหนึ่งวิธีการออมเงินที่ได้ทั้งดอกเบี้ย และได้ลุ้นรางวัลใหญ่เป็นเงินหลักล้านบาท กับสลากออมทรัพย์ ธอส.
ที่คุณสามารถซื้อเป็นหน่วยสลากที่มีตัวเลขสลาก และรอลุ้นโชคจากการออกรางวัลได้ทุกเดือน รวมถึงยังสามารถไถ่ถอนคืนพร้อมดอกเบี้ย เมื่อฝากครบช่วงเวลาที่กำหนด
โดยสลากออมทรัพย์ ธอส. มีให้คุณเลือกออมเงิน ได้แก่
- สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุด ขาลเพิ่มพูน ลุ้นรางวัลใหญ่ถึง 2 ล้านบาท
- สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุด ต่อเงินต่อทอง ลุ้นรางวัลใหญ่ถึง 1 ล้านบาท
ดูข้อมูลสลาก ธอส. เพิ่มเติมได้ที่ https://www.ghbank.co.th/lotto/
สนใจสลากออมทรัพย์ ธอส. ติดต่อได้ที่ https://cm.ghbank.co.th/ghblotto/5k/register
เก็บเงินก้อนได้แล้ว จะเลือกซื้อคอนโดอย่างไรให้ตอบโจทย์
เมื่อได้เงินก้อนแรกสำหรับใช้จ่ายในการซื้อคอนโดมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการเลือกซื้อคอนโดที่เหมาะกับรายได้ต่อเดือนของคุณ โดยสามารถดูได้จาก
1. ราคาคอนโดที่เหมาะสมกับรายได้ต่อเดือน
ก่อนที่จะตัดสินใจพิจารณาเลือกซื้อคอนโดที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต การเลือกเรทราคาคอนโดที่คุณสามารถผ่อนจ่ายได้ไหวก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อให้ภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันมากเกินไป และเพื่อให้ได้รับการอนุมัติวงเงินที่ครอบคลุมต่อราคาคอนโดด้วย
เลือกราคาคอนโดอย่างไรให้เหมาะกับรายได้
สำหรับการคำนวณวงเงินที่ธนาคารจะอนุมัติให้กับผู้กู้ ธนาคารจะใช้รายได้ต่อเดือนคำนวณรวมกับภาระหนี้ในระบบที่มีอยู่ โดยใช้สูตรการคำนวณคือ
(จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน-ภาระหนี้อื่นๆ) x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้
โดยจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ เช่น
คุณมีเงินเดือน 27,000 บาท แล้วต้องการขอสินเชื่อซื้อคอนโดกับธนาคาร
(จำนวนเงินผ่อนสูงสุดต่อเดือน คือ 27,000 x 40% = 10,800 บาท)
- หากไม่มีภาระหนี้สิน จะได้วงเงินที่สามารถกู้ได้ประมาณ
10,800 x 150 = 1,620,000 บาท
- หากมีภาระหนี้สิน เช่น ผ่อนบัตรเครดิต เดือนละ 3,000 บาท จะได้วงเงินที่สามารถกู้ได้ประมาณ
(10,800 – 3,000) x 150 = 1,170,000 บาท
เมื่อคำนวณได้แล้วว่าวงเงินที่จะสามารถกู้กับธนาคารตามรายได้ของคุณอยู่ที่ประมาณเท่าไร ก็จะช่วยตีกรอบราคาของคอนโดที่จะซื้อได้แล้วว่าต้องมีราคาที่ประมาณเท่าไร
ซึ่งถ้าหากราคาเกินจากวงเงินไปไม่มาก การดาวน์ที่ 10-20% ของราคาคอนโด ก็ช่วยให้คุณสามารถซื้อคอนโดตามความต้องการได้
เช่น คอนโดที่ต้องการซื้อมีราคา 1,900,000 บาท แต่คุณสามารถขอสินเชื่อได้ที่ 1,620,000 บาท ก็ให้เลือกผ่อนดาวน์ที่ 15% หรือ 285,000 บาท ก็จะลดราคาคอนโดที่ต้องยื่นกู้เหลือ 1,615,000 บาท ซึ่งจะยื่นกู้ได้เต็มวงเงินพอดี
2. มองหาโครงการคอนโดที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง
คอนโดที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง มีข้อดีตรงที่คุณสามารถทำการผ่อนดาวน์ได้ ซึ่งจะเป็นการผ่อนเงินก้อนที่ประมาณ 10-20% ของราคาคอนโดแบบไม่มีดอกเบี้ย จนกว่าทางโครงการจะดำเนินการสร้างเสร็จ ทำให้ราคาของคอนโดลดลงได้บางส่วน เมื่อไปขอสินเชื่อกับทางธนาคารก็จะไม่ต้องขอวงเงินสูง
การขอสินเชื่อซื้อคอนโดกับทางธนาคารที่วงเงินไม่สูงมีข้อดีอย่างไร?
- ได้วงเงินเต็มจำนวนตามต้องการ หลายคนเมื่อคำนวณวงเงินกู้จากรายได้ต่อเดือนและภาระหนี้สินแล้ว อาจยื่นกู้ได้ไม่ถึงจำนวนวงเงินที่ต้องการ แต่เมื่อมีการดาวน์คอนโดไปแล้ว ก็ทำให้เงินวงเงินที่ต้องขอสินเชื่อลดลง ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติวงเงินเต็มจำนวนในส่วนที่เหลือ
- เงินต้นน้อยลง ภาระผ่อนก็ลดลง แน่นอนว่าเมื่อได้รับวงเงินอนุมัติที่ไม่สูงมาก ก็ส่งผลให้ภาระของการผ่อนชำระลดลง และระยะเวลาในการผ่อนชำระก็ลดลงไปด้วย
- อัตราดอกเบี้ยลดลง สำหรับอัตราดอกเบี้ยจะถูกนำมาคิดรวมกับจำนวนเงินที่ต้องผ่อนในทุกเดือน ถ้าหากวงเงินที่กู้ไม่สูงมาก อัตราการจ่ายดอกเบี้ยก็จะลดลง จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้กับคุณได้มากขึ้น (อยากรู้วิธีลดอัตราดอกเบี้ยคอนโดเพิ่มขึ้น อ่านต่อได้กับ > ดอกเบี้ยคอนโดมีอะไรต้องรู้บ้าง? พร้อมวิธีการลดดอกเบี้ยเบื้องต้น)
แนะนำข้อมูลสินเชื่อซื้อคอนโดกับ ธอส.
ไม่ต้องเตรียมเงินก้อนใหญ่ ก็เป็นเจ้าของคอนโดได้กับสินเชื่อซื้อคอนโดจาก ธอส. สำหรับลูกค้าท่านใดที่กำลังมองหาโครงการสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโด ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีรายละเอียดข้อเสนอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ตอบทุกโจทย์ของคนอยากมีบ้านมาแนะนำ
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง หรือกลุ่มผู้มีรายได้สูง ก็มีผลิตภัณฑ์พร้อมโปรโมชันหลากหลาย ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสม
หากสนใจขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
G H BANK Call Center: 0-2645-9000