การได้เป็นเจ้าของคอนโดในฝัน มีจุดเริ่มต้นมาจากการเก็บออมเงิน ที่ต้องอาศัยทั้งวินัยและการวางแผนด้านการเงินให้รอบด้าน
หากว่าคุณกำลังวางแผนซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง มาดู 10 ขั้นตอนเก็บเงินซื้อคอนโด ที่ช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินก้อนสำหรับซื้อคอนโดได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
10 ขั้นตอนเก็บเงินซื้อคอนโด [เก็บตามนี้ ซื้อได้แน่นอน]
1. เลือกซื้อคอนโดในราคาที่เหมาะสมกับรายได้
ในขั้นตอนการเลือกซื้อคอนโด สิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ ราคาของคอนโด ที่ต้องเลือกซื้อให้มีความเหมาะสมกับรายได้หรือฐานเงินเดือน เนื่องจากจะส่งผลต่อการตั้งงบในการเก็บเงิน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ตามมา
โดยวิธีการคำนวณความสามารถในการผ่อนจ่ายในแต่ละเดือน จะอยู่ที่ล้านละ 7,000 บาท หรือเลือกซื้อคอนโดราคา 1 ล้านบาท ยอดผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท หรือสามารถคำนวณยอดผ่อนชำระได้จาก (7,000 x ราคาคอนโดที่จะซื้อ) / 1,000,000
เช่น ต้องการซื้อคอนโดราคา 2.5 ล้านบาท จะได้ (7,000 x 2,500,000) / 1,000,000 = 17,500 บาท เป็นยอดโดยประมาณที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือน
ซึ่งถ้าคำนวณดูแล้วความสามารถในการผ่อนแต่ละเดือน มีจำนวนไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน ก็จะทำให้การผ่อนชำระต่อเดือนไม่สร้างภาระทางการเงินมากเกินไป และเหลือเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
2. คำนวณเงินก้อนแรกที่ต้องเก็บในการซื้อคอนโด
คอนโดเป็นทรัพย์ที่มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้การเก็บเงินก้อนและนำไปซื้อทีเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับหลายคน การซื้อแบบผ่อนกับธนาคารจึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากกว่า
ซึ่งก่อนที่จะไปขั้นตอนการขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโด ก็จะมีค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ต้องเตรียมเป็นเงินสดเอาไว้ก่อน ได้แก่
- ค่าจองยูนิตที่ต้องการ อยู่ที่ประมาณ 5,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาของโครงการคอนโดที่เลือก
- ค่าทำสัญญา อยู่ที่ประมาณ 30,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือโปรโมชั่นตามที่โครงการกำหนด
- เงินดาวน์ หรือค่าผ่อนดาวน์ในกรณีที่โครงการอยู่ในระหว่างก่อสร้าง หากคิดรวมกับค่าจอง ค่าทำสัญญา และค่าผ่อนดาวน์ จะต้องไม่น้อยกว่า 10% ของราคาห้อง
- ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน ได้แก่ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2%, ค่ากองทุนส่วนกลาง ประมาณ 500 บาทต่อตารางเมตร, ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้, ค่าจดจำนอง 1% หากวงเงินเกิน 3 ล้านบาท หรือ 0.01% หากวงเงินไม่เกิน 3 ล้าน, ค่าประเมินราคา ขึ้นอยู่กับธนาคาร เป็นต้น ซึ่งบางโครงการคอนโดอาจมีโปรโมชันฟรีทุกค่าใช้จ่าย หรือราคาปรับลดลงตามประกาศโครงการของรัฐบาล
ตัวอย่างการคำนวณหาเงินก้อนแรก หากต้องการซื้อคอนโดในราคา 2.5 ล้านบาท
- ค่าจองยูนิต + ค่าทำสัญญา + ค่าผ่อนดาวน์ (ไม่น้อยกว่า 10%) รวมกันอยู่ที่ประมาณ 250,000 บาท หรือมากกว่า
- ค่าทำสัญญา 30,000 บาท
- ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน รวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 130,000 บาท
ค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ต้องเตรียมในการเก็บเพื่อซื้อคอนโด ก็จะอยู่ที่ประมาณ 410,000 บาท โดยอาจลดลงได้อีกจากโปรโมชันที่ทางโครงการเสนอให้
3. ตั้งเป้าหมายและทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
เมื่อรู้ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่ต้องเตรียมสำหรับผ่อนคอนโด และจำนวนเงินก้อนแรกที่ต้องเก็บเพื่อซื้อคอนโดแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็น การตั้งเป้าหมายเก็บเงินซื้อคอนโด ให้ได้เงินก้อนแรกมา
โดยการตั้งเป้าหมายของการเก็บเงินซื้อคอนโด จะต้องรู้ก่อนว่าจำนวนเงินที่โดยประมาณที่ต้องเก็บมีจำนวนเท่าไร
เช่น ต้องเก็บเงินก้อนแรก 410,000 บาท โดยมีรายได้เดือนละ 35,000 บาท แบ่งเก็บเดือนละ 40% (ตกเดือนละ 14,000 บาท) จะใช้เวลาประมาณ 30 เดือน จะได้เงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโด
เมื่อรู้แล้วว่าต้องเก็บเงินซื้อคอนโดเดือนละเท่าไร วิธีการที่จะช่วยให้เก็บเงินก้อนนี้ได้สำเร็จ นั่นคือ การทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายแบบละเอียด เพื่อดูว่าแต่ละเดือนมีรายจ่ายสำคัญ หรือหนี้สินอะไรบ้างที่ต้องจัดการ
ซึ่งหลังจากที่ทำเป็นบันทึกและสรุปยอดออกมาแล้ว ก็จะช่วยให้รู้ว่าความสามารถในการเก็บเงินซื้อคอนโดแต่ละเดือน สามารถทำได้ถึง 40% ของเงินเดือนหรือไม่ หรืออาจต้องลดลงเป็น 20-30% เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่นๆ และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตด้วย
ตัวอย่างเครื่องมือการจดบันทึกค่าใช้จ่ายให้ได้ผลดี
- การจดบันทึกลงบนสมุดรายรับ-รายจ่าย
- การดาวน์โหลด Template บันทึกรายรับรายจ่าย รูปแบบไฟล์ Google Sheet หรือ Microsoft Excel ที่มีการแจกจ่ายฟรี และจัดทำเป็นตารางต่างๆ สำหรับการบันทึกรายรับ-รายจ่ายเอาไว้แล้ว เพียงใส่ข้อมูลลงไป
- การใช้โปรแกรมจัดการและบันทึกค่าใช้จ่ายออนไลน์ ที่มีทั้งใช้งานบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาใช้งานได้เลยบนสมาร์ทโฟน โดยเครื่องมือนี้จะมอบความสะดวก ใช้งานง่าย และยังสรุปภาพรวมการใช้จ่ายออกมาได้ชัดเจนด้วย
4. แยกบัญชีใช้จ่ายและบัญชีสำหรับเก็บเงินซื้อคอนโด
การเปิดบัญชีใหม่สำหรับเก็บเงินโดยเฉพาะ จะช่วยสร้างวินัยในการใช้เงินได้มากขึ้น และเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยไม่ให้นำออกมาใช้จ่ายอย่างไม่จำเป็น จนทำให้แผนการเก็บเงินซื้อคอนโดต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปจากที่ตั้งเป้าไว้
โดยบัญชีที่ใช้เก็บเงินควรเป็นบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มค่าในการฝากเงินได้มากยิ่งขึ้น
5. ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก
ในการเก็บเงินก้อนใหญ่ ให้สังเกตดูว่าในแต่ละเดือน มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ดูแล้วไม่มีความจำเป็น หรือเป็นสิ่งที่อาจไม่ต้องจ่ายทุกเดือนก็ได้ ซึ่งหากว่าคุณสามารถปรับเปลี่ยน ปรับลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ออกไปได้ ก็จะช่วยให้การเงินในแต่ละเดือนมีสภาพคล่องที่ดีได้
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่อาจปรับลด หรือตัดออกไปได้ เช่น
- ค่าชอปปิงในสินค้าที่ไม่จำเป็น
- ค่าสมาชิกรายเดือน เช่น บริการสตรีมมิ่งต่างๆ ค่าฟิตเนส แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งอาจปรับลดค่าแพ็กเกจลง หรือยกเลิกบริการที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ในบ้านหรือที่พักอาศัยอยู่ในปัจจุบัน ด้วยการลดการใช้งานหรือใช้งานให้ประหยัดมากขึ้น
6. จัดการหนี้สินเก่าให้ได้มากที่สุด
ระหว่างที่เก็บเงินซื้อคอนโด ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งออกไปจัดการหนี้สินเก่าให้หมดด้วย เนื่องจากการมีหนี้สินค้างชำระหรือติดแบล็คลิสต์อยู่ จะส่งผลต่อการขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดที่อาจได้รับการอนุมัติวงเงินน้อยลง หรือไม่ผ่านการอนุมัติได้
และนอกจากการจัดการหนี้เดิมแล้ว ก็ต้องพยายามไม่สร้างหนี้ใหม่เพิ่มเติม เพราะอาจต้องนำเงินสดที่ได้มาจ่ายหนี้ไปเรื่อยๆ จนทำให้การเก็บเงินล่าช้าไปจากที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
7. สร้างเครดิตทางการเงินให้ดี
หากมีบัตรเครดิตแล้วใช้งานในระหว่างที่เก็บเงินซื้อคอนโดอยู่ ให้สร้างวินัยทางการเงินที่ดีด้วยการชำระยอดการใช้งานบัตรเครดิตให้ตรงเวลา หรือเลือกให้ตัดยอดการใช้งานจากบัญชีอัตโนมัติก็ได้
วิธีนี้จะช่วยสร้างเครดิตทางการเงิน ให้คุณมีประวัติการชำระหนี้ดีบนฐานข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งมีผลต่อการอนุมัติเชื่อเพื่อซื้อคอนโดในอนาคตด้วย
8. หาวิธีสร้างผลตอบแทนจากการออมเงินให้มากขึ้น
เมื่อเก็บเงินไว้ได้ในระยะหนึ่งแล้ว จะทำให้คุณมีเงินก้อนที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ ด้วยการนำไป ลงทุนในระยะสั้นแบบ 0-3 ปี ที่สามารถรักษาสภาพคล่องทางเงินและรักษาเงินต้นได้ เช่น กองทุนรวม ตราสารหนี้ เป็นต้น
แต่ในการลงทุนก็ต้องศึกษาเงื่อนไขอย่างละเอียด ดูความเสี่ยงที่รับได้ และผลตอบแทนที่จะได้รับให้ดีก่อน
9. หาวิธีสร้างรายได้จากช่องทางอื่น
หากว่าใครต้องการเก็บเงินซื้อคอนโดให้รวดเร็วยิ่งขึ้น การหารายได้เสริมจากช่องทางอื่น ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การเก็บเงินซื้อคอนโด สามารถลดระยะเวลาไปจากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
ด้วยการมองหาช่องทางที่คิดว่ามีโอกาสทำเงิน เช่น รับของมาขาย ทำสินค้าขาย ขายอาหาร เป็นต้น โดยเริ่มจากการลงทุนน้อยๆ ก่อนเพื่อดูความต้องการของตลาด และลู่ทางที่จะทำกำไรได้
หรือใช้ทักษะการทำงานที่มีอยู่เพิ่มรายได้ด้วยการรับงานฟรีแลนซ์ ที่สามารถเลือกทำในวันหยุดหรือในเวลาว่างก็ได้เช่นกัน
10. เลือกสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดที่ตอบโจทย์
เมื่อผ่านขั้นตอนการเก็บเงินซื้อคอนโดมาครบทุกข้อ และสามารถจ่ายเงินก้อนแรกในการซื้อคอนโดได้แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก่อนการเป็นเจ้าของห้องชุด นั่นคือ การขอสินเชื่อกับธนาคาร ที่ตอบโจทย์ทางการเงินของคุณ โดยเลือกดูจาก
- วงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ
- อัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่า
- ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่เหมาะสม
- โครงการสินเชื่อที่ตรงกับคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ
หากเลือกได้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ก็จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีเงินเหลือใช้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
แนะนำสินเชื่อเพื่อการซื้อคอนโดดอกเบี้ยต่ำจาก ธอส.
หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อคอนโดดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนสบายกระเป๋า ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีรายละเอียดข้อเสนอสินเชื่อบ้านและคอนโดดีๆ มานำเสนอให้กับคุณ
โดยเรามีสินเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง หรือกลุ่มผู้มีรายได้สูง เราก็มีผลิตภัณฑ์พร้อมโปรโมชันหลากหลาย ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสม
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์: 02 645 9000