ลงทุนที่ดินเปล่าคุ้มหรือไม่? พร้อม 10 ข้อควรรู้ก่อนการลงทุน

/
/
ลงทุนที่ดินเปล่าคุ้มหรือไม่? พร้อม 10 ข้อควรรู้ก่อนการลงทุน

ในกรณีนี้ การลงทุนที่ดินเปล่าไว้เก็งกำไรจะยังคุ้มค่าอยู่หรือไม่? บทความนี้ จะช่วยสรุป พร้อมแนะนำ 10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุนที่ดินเปล่า

ที่ดินเปล่าเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกทางเลือกที่หลายคนสนใจลงทุน เพราะมูลค่าของที่ดินเปล่ามีแนวโน้มจะขึ้นทุกปี เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและที่ดินเปล่ามีจำนวนลดลงในทุกปี การซื้อลงทุนที่ดินเปล่าจึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อเก็บเพื่อเก็งกำไรขายในอนาคต ลงทุนง่าย และไม่ต้องใช้ความรู้หรือเวลาในการดูแลทรัพย์เท่ากับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ การลงทุนที่ดินเปล่าสำหรับหลายคน ก็มีข้อน่ากังวลอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ต้องการถือทรัพย์เป็นเวลานาน แล้วถ้าในกรณีนี้ การลงทุนที่ดินเปล่าไว้เก็งกำไรจะยังคุ้มค่าอยู่หรือไม่? บทความนี้ จะช่วยสรุป พร้อมแนะนำ 10 เรื่องที่ควรรู้ก่อนลงทุนที่ดินเปล่า

อ่านตามหัวข้อ

ลงทุนที่ดินเปล่าคุ้มหรือไม่? ข้อดีของที่ดินเปล่ามีอะไรบ้าง

  • ที่ดินมีโอกาสขาดทุนต่ำ ในแง่ที่ว่า มูลค่าของที่ดินมีแนวโน้มดีดตัวสูงขึ้นในทุกๆ ปี และที่ดินเปล่าไม่มีค่าเสื่อมสภาพเหมือนกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม ฯลฯ ที่มีจังหวะขายให้ได้ราคาดีเพียงจังหวะหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่ราคาจะค่อยๆ ตกลง เพราะการเสื่อมสภาพ
  • ราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีและมีอัตราเติบโตสูง โดยในระยะเวลา 10 ปี ราคาที่ดินเปล่าอาจดีดตัวขึ้นได้มากถึง 10 เท่า จากปัจจัยการพัฒนา เช่น มีถนนตัดผ่าน เมืองขยายตัว มีความเจริญใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในทำเลใกล้เคียง ฯลฯ
  • ราคาที่ดินเติบโตแบบไม่มีเพดาน เพราะมีความต้องการขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี ไม่มีการเสื่อมสภาพเหมือนทรัพย์สินประเภทอื่น ทำให้ไม่ค่อยมีภาวะอิ่มตัวเหมือนสินทรัพย์อื่นๆ ราคาไม่ตก
  • ที่ดินเปล่าใช้หารายได้ได้หลายวิธี ในระหว่างที่ลงทุนซื้อที่ดินเปล่ามาเก็งกำไรหรือจะแบ่งขายในอนาคต ก็สามารถเปล่าเช่าที่ดินให้คนทำธุรกิจแบบไม่ถาวรได้ เช่น  ตลาดนัด ลานจอดรถ ฯลฯ
  • มีโอกาสทำกำไรตอนซื้อได้ง่ายที่สุด เมื่อเทียบกับอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น เพราะโดยทั่วไป ที่ดินเปล่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้ซื้อ-ขายง่ายเท่าบ้าน คอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเม้นต์ ผู้ที่ต้องการขายที่ดินหลายคนมักขายในภาวะที่ต้องการเงินสด ราคาขายจึงอาจตั้งไว้ถูกกว่าราคาประเมินที่ดิน 
  • ทำกำไรได้สูง เมื่อใช้เทคนิคลงทุนแบบ OPM (Other People’s Money) ทำได้ด้วยวิธีกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารมาลงทุนซื้อ หากหารายได้ได้ระหว่างถือทรัพย์เก็งกำไร เมื่อราคาที่ดินดีดตัวสูงขึ้นแล้วขาย ก็จะสามารถทำกำไรได้โดยที่ใช้เงินลงทุนน้อยที่สุด

ถึงคำถามที่ว่า “ลงทุนที่ดินเปล่าคุ้มหรือไม่?” 

สามารถตอบได้ว่า “คุ้มค่า” ในสองกรณีด้วยกัน คือ 

กรณีที่ 1 เมื่อสามารถถือทรัพย์ได้เป็นเวลานานเพื่อเก็งกำไรในอนาคต 

กรณีที่ 2 เมื่อสามารถสร้างรายได้ให้ที่ดินเปล่าได้ในระหว่างถือทรัพย์ [อ่านวิธีสร้างรายได้จากที่ดินเปล่า << ในบทความนี้]

10 เรื่องควรรู้ ถ้าอยากลงทุนที่ดินเปล่าให้คุ้ม

สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือคนทั่วไปที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนที่ดินเปล่า ก็มีเรื่องที่ควรรู้อย่างน้อย 10 เรื่องต่อไปนี้ ที่จะช่วยให้คุณสามารถลงทุนที่ดินเปล่าได้คุ้มค่า ตั้งแต่การทำความเข้าใจศักยภาพของที่ดิน การซื้อที่ดินเปล่าลงทุน และเรื่องพื้นฐานอื่นๆ ที่ต้องรู้ 

1. รู้วิธีดูแผนผังเมืองก่อนลงทุน 

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อที่ดินเปล่ามาลงทุน ต้องศึกษาผังเมืองก่อน เพื่อดูว่า ที่ดินเปล่าที่สนใจอยู่ในพื้นที่สีอะไร สามารถใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจะกำหนดว่า ที่ดินในเขตใดสามารถสร้างได้อะไรได้บ้างหรือห้ามสร้างและใช้ประโยชน์อะไร ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบที่ดินบริเวณต่างๆ ได้จากเว็บไซต์นี้ >> https://landsmaps.dol.go.th/ ของสำนักงานที่ดิน

ตัวอย่างผังเมืองจังหวัดกรุงเทพฯ 
ที่มารูปภาพ สมาคมสถาปนิกสยาม

 โดยเขตที่ดินสีต่างๆ ที่ควรรู้ มีดังนี้

  • เขตสีแดง ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก 
  • เขตสีน้ำตาล ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก
  • เขตสีส้ม ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง
  • เขตสีเหลือง ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
  • เขตสีม่วง ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
  • เขตสีม่วงอ่อน ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมเฉพาะกิจ 
  • เขตสีเขียว ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม 
  • เขตสีฟ้า ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 

2. รู้จักศึกษาระบบคมนาคมที่ส่งผลต่อราคาที่ดิน

ราคาที่ดินสัมพันธ์กับระบบคมนาคมแทบจะทุกรูปแบบ เพราะการคมนาคมที่สะดวกหมายถึง ผู้คนสามารถเข้าถึงที่ดินนั้นๆ ไม่ว่าจะสร้างบ้าน ปล่อยขายให้ทำโรงงาน ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ หากมีถนนหรือมีระบบขนส่ง เช่น รถไฟ สนามบิน หรือบัส ฯลฯ ตัดผ่าน ก็จะทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น

ดังนั้น ก่อนจะหาที่ดินเปล่าลงทุน แนะนำให้ศึกษาระบบโครงข่ายคมนาคมใหม่ๆ ตามข่าวสารหรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ 2 – 3 ปีข้างหน้าขึ้นไป หากมีแผนว่าจะตัดถนน สร้างรถไฟฟ้า หรือมีระบบคมนาคมใหม่ๆ ใกล้เคียง ที่ดินบริเวณนั้นย่อมมีราคาสูงขึ้นอย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตาม การดูที่ดินเพื่อเก็งกำไรด้วยวิธีนี้ก็ยังมีความเสี่ยงจากการที่โครงการก่อสร้างระบบคมนาคมอาจไม่เสร็จเรียบร้อยภายในระยะเวลาที่ประกาศ ผู้ลงทุนจึงอาจมีต้นทุนในการถือทรัพย์นานขึ้นจากที่คาดการณ์ได้

3. รู้จักติดตามโครงการขนาดใหญ่ที่มีแผนก่อสร้าง

นอกจากระบบขนส่งคมนาคมแล้ว อีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาที่ดินอย่างยิ่ง คือ แผนพัฒนาหรือก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างของภาครัฐหรือเอกชน ยกตัวอย่างเช่น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ศูนย์การประชุม มหาวิทยาลัย การพัฒนาเมืองเป็นศูนย์การผลิต/อุตสาหกรรม ฯลฯ 

โครงการใหญ่ๆ จะช่วยดึงดูดผู้คนให้เข้ามาในทำเลเหล่านั้น พร้อมกับดึงดูดความเจริญและความต้องการที่ดินเพื่อทำธุรกิจและที่อยู่อาศัย หากนักลงทุนมีข้อมูลที่แผนการพัฒนาโครงการหรือ “ข้อมูลอินไซด์ (Inside information)” รู้ว่าย่านไหนกำลังจะมีโครงการอะไรเกิดขึ้น ก็จะสามารถซื้อลงทุนที่ดินเปล่าเพื่อเก็งกำไรได้ตั้งแต่เนิ่นๆ   

4. รู้จักแนวเวนคืนของราชการ

ภายหลังเมื่อรู้แล้วว่า กำลังจะมีโครงการหรือระบบคมนาคมใดกำลังจะก่อสร้างและที่ดินในทำเลเหล่านั้นน่าจะดีดตัวสูงขึ้น ผู้ลงทุนต้องติดตามและศึกษา “แนวเวนคืน” ของราชการ หากโครงการเหล่านั้นมาจากราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงโครงการขนาดใหญ่ของเอกชน ต้องดูให้แน่ใจว่า ที่ดินที่ผู้ลงทุนต้องการนั้น อยู่ในแนวเวนคืนหรือไม่ เพราะหากที่ดินอยู่ในแนวเวนคืนแล้ว อาจถูกรัฐเวนคืน ไม่สามารถก่อสร้างหรือขายต่อได้

สำหรับวิธีการตรวจสอบแนวเวนคืนนั้น แนะนำให้สอบถามโดยตรงกับหน่วยงานที่ประกาศแนวเวนคืนหรือหน่วยงานที่ประกาศก่อสร้างโครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง กรมทางหลวง ฯลฯ หรือสามารถตรวจสอบแนวเวนคืนง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ feasyonline.com ได้ก่อน (ในเว็บไซต์จะแสดงแผนที่แนวเวนคืน ซึ่งคุณสามารถกดอ่าน “รายละเอียดเพิ่มเติม” เพื่อดูประกาศแนวเวนคืนได้)

5. รู้ว่าที่ดินคุณภาพเป็นอย่างไร

เมื่อต้องการลงทุนที่ดินเปล่า ผู้ลงทุนควรดูให้เป็นว่าที่ดินเปล่าลักษณะไหนที่เป็นที่ดินคุณภาพหรือมีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่าที่ดินทั่วไปอย่างไร โดยปัจจัยหลักๆ ที่มักจะใช้ในการประเมินที่ดินก็มีอยู่ด้วยกัน 5 ข้อ ดังนี้

  1. ที่ดินติดถนน (ไม่เป็นที่ดินตาบอด) ถือเป็นที่ดินที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพราะมีทางเข้าติดกับถนน หากมีส่วนที่ติดถนนหน้ากว้างเท่าไร ก็ยิ่งไม่มีข้อจำกัดในการใช้งานหรือออกแบบสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินลักษณะนี้จึงสามารถทำราคาได้ดีกว่า 
  2. ความกว้างถนนหน้าที่ดิน ยิ่งที่ถนนด้านหน้าที่ดินกว้างโอกาสที่ราคาที่ดินจะสูงขึ้นก็ยิ่งมาก โดยสำหรับที่ดินคุณภาพ ถนนด้านหน้าควรมีความกว้างไม่ต่ำกว่า 6 เมตร (รถสามารถสวนกันได้) หรือมีตั้งแต่ 2 เลนขับรถขึ้นไป 
  3. ประเภทของถนน เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาที่ดิน ถนนทางหลวง ถนนคอนกรีต ย่อมทำให้ราคาที่ดินดีดตัวได้สูงกว่าถนนลูกรัง 
  4. รูปทรงของที่ดิน รูปทรงของที่ดินส่งผลกระทบต่อราคาอย่างยิ่ง โดยที่ดินที่มีคุณภาพมากกว่า หมายถึงที่ดินนั้นสามารถใช้สอยประโยชน์ได้มากกว่าและง่ายกว่า ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีด้านกว้างหลายด้าน ทำให้ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่ดินรูปทรงสามเหลี่ยมหรือเป็นรูปทรงตัวแอล (L) 
  5. ความเรียบสม่ำเสมอของที่ดิน ที่ดินที่เรียบหรือถมมาแล้วถือว่าเป็นที่ดินที่พร้อมสำหรับการก่อสร้างมากกว่า จึงถือว่าเป็นที่ดินที่มีคุณภาพมากกว่าที่ดินที่มีหลุมมีบ่อหรือยังไม่ได้รับการปรับหน้าดิน

6. รู้จักประเภทของเอกสารสิทธิ์ (หนังสือตราครุฑสีต่างๆ)

ก่อนจะซื้อที่ดินเปล่าลงทุนต้องตรวจสอบเรื่องเอกสารสิทธิ์หรือโฉนดให้มั่นใจก่อนว่า ที่ดินที่ผู้ลงทุนจะครอบครองเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ประเภทอะไร เพราะเอกสารสิทธิ์แต่ละประเภทนั้น มีรายละเอียดการครอบครองสิทธิ์ที่ไม่เหมือนกัน โดยประเภทของเอกสารสิทธิ์ที่มีการซื้อขายที่ดินกันทั่วไปก็มี 3 ประเภทด้วยกัน 

  1. โฉนดที่ดิน น.ส.4 (ครุฑสีแดง) หมายถึง โฉนดที่ดินโดยทั่วไปที่ผู้ที่ถือครอบครองโฉนดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างสมบูรณ์ สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้เต็มที่ สามารถซื้อขาย โอน จำนอง ค้ำประกันได้ 
  2. เอกสารสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก. (ครุฑสีเขียว) คือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์และใช้ยืนยันสิทธิครอบครองเพียงเท่านั้น ไม่ใช่โฉนด แต่ผู้ครอบครองเอกสารก็สามารถซื้อขาย โอน จำนองกับธนาคารได้เหมือนกับที่ดินที่มีโฉนด เพียงแต่ผู้อื่นสามารถแย่งสิทธิครอบครองได้หากมีผู้อื่นใช้ประโยชน์ติดต่อกันตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ ผู้ที่ถือ น.ส.3 ก สามารถนำติดต่อขอสอบเขตและยื่นเอกสารขอออกโฉนดได้
  3. เอกสารสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3, น.ส.3 ข. ครุฑสีดำ คือ หนังสือรับรองการทำประโยชน์และยืนยันสิทธิครอบครองเช่นเดียวกับหนังสือ ครุฑเขียว เพียงแต่เอกสารสิทธิ์ประเภทนี้ ไม่มีระวางภาพถ่ายทางอากาศ ลักษณะแผนที่ไม่แน่ชัด แม้สามารถซื้อ-ขายได้ แต่ก็อาจมีผู้คัดค้านว่ารุกล้ำที่ดินอื่นได้ ดังนั้น หากที่ดินที่ต้องการมีเอกสารสิทธิ์เป็นเพียง “หนังสือครุฑดำ” แนะนำให้ตรวจสอบระแวงแผนที่ให้แน่ชัด ติดต่อสอบเขต จนมั่นใจว่าที่ดินสามารถออกโฉนดได้

7. รู้จักวิธีประเมินราคาที่ดินด้วยตัวเอง

ที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูง ก่อนจะซื้อแนะนำให้ตรวจเช็กราคาประเมินของที่ดินก่อนเพื่อพิจารณาดูว่า ราคาที่ดินที่กำลังสนใจ ถูกหรือแพงเกินไปหรือไม่ 

ทุกวันนี้ เราสามารถเข้าไปสืบค้นราคาประเมินของที่ดินต่างๆ ที่มีโฉนดได้ทั่วประเทศแล้ว ผ่านระบบเผยแพร่ราคาประเมินทรัพย์สินของกรมธนารักษ์ << เว็บไซต์นี้

ประเมินทรัพย์สินของกรมธนารักษ์

สำหรับวิธีใช้งาน ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบราคาประเมินที่ดินก่อนได้ ดังนี้

  1. เข้าเว็บไซต์ https://assessprice.treasury.go.th/ 
  2. เลือกเมนูค้นหาตามเอกสารสิทธิ์ เช่น เลขที่โฉนด เลขที่ดิน หรือ น.ส. 3 ก
  3. กรอกข้อมูลตามโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ ได้แก่ เลขที่โฉนด หน้าสำรวจ จังหวัด อำเภอ/เขต
  4. กด “ค้นหา”

จากนั้น จึงจะได้ราคาประเมินเป็น ราคา:ตารางวา มา ซึ่งคุณสามารถนำมาคำนวณต่อได้ ยกตัวอย่างเช่น 

  • ที่ดิน 1 ไร่ = 400 ตารางวา 
  • ค้นหาแล้ว ราคาประเมินที่ดินราคาตารางวาละ 2,000 บาท 
  • ราคาประเมินเท่ากับ 400 x 2,000 = 800,000 บาท ต่อไร่

เมื่อรู้ราคาประเมิน ผู้ลงทุนจะสามารถเทียบเคียงกับราคาที่เจ้าของประกาศได้ พร้อมกับพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนร่วมกับปัจจัยที่มีผลกับราคา เช่น ระบบคมนาคม แผนพัฒนาหรือแผนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และคุณภาพของที่ดินได้

8. รู้ค่าใช้จ่ายในวันโอนที่ดิน

อีกเรื่องที่นักลงทุนที่ดินมือใหม่ควรจะต้องรู้ คือ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในวันโอนที่ดิน ซึ่งจะมองข้ามไม่ได้ เพราะยิ่งทรัพย์มีราคาสูงมาก ค่าธรรมเนียมในการโอนสินทรัพย์ก็ยิ่งสูงตาม โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ ในวันโอน สามารถแจกแจงได้ ดังนี้

  1. ค่าคำขอโอนที่ดิน 5 บาท
  2. ค่าอากร 5 บาท
  3. ค่าพยาน 20 บาท 
  4. ค่าธรรมเนียมในการโอนจำนวน 2% จากราคาประเมินหรือราคาขาย (ยึดราคาที่สูงกว่า)
  5. ค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าที่จดจำนอง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (กรณีกู้สินเชื่อธนาคาร)
  6. ค่าอากรแสตมป์ 0.50% ของราคาขาย (หากต่ำกว่าราคาประเมิน ให้ใช้ราคาประเมินในการคำนวณ)
  7. ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ* 3.3% ของราคาซื้อขาย (หากตำ่กว่าราคาประเมิน ให้ใช้ราคาประเมินในการคำนวณ) 

ยกตัวอย่าง กรณีที่ดินเปล่าราคา 1,000,000 บาท และสามารถกู้สินเชื่อธนาคารได้วงเงินเต็มจำนวนหรือ 1,000,000 บาท 

  1. ค่าคำขอโอนที่ดิน 5 บาท 
  2. ค่าอากร 5 บาท
  3. ค่าพยาน 20 บาท 
  4. ค่าธรรมเนียมในการโอน 2% = 20,000 บาท
  5. ค่าจดจำนอง 1% = 10,000 บาท
  6. ค่าอากรแสตมป์ 0.50% = 5,000 บาท
  7. ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% = 33,000 บาท

สรุปค่าใช้จ่ายในวันโอนทั้งสิ้น 68,030 บาท (หรือราว 7% ของราคาที่ดิน)

นอกจากค่าธรรมเนียมในการโอนแล้ว อย่าลืมว่า การครอบครองที่ดินเปล่าที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ก็มีภาษีที่ดินใหม่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ด้วย [<< อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีที่ดินใหม่ในลิงก์]

**ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ในกรณีที่ซื้อที่ดินเปล่าลงทุนและถือครองสินทรัพย์ไม่เกิน 5 ปี หรือไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี กฎหมายจะมองว่า มีเจตนาทำธุรกิจ (ซื้อ-ขายที่ดิน) จึงจำเป็นต้องชำระภาษีธุรกิจ

9. รู้จักกลยุทธ์พื้นฐานในการลงทุนที่ดินเปล่า

วิธีการลงทุนที่ดินเปล่า นอกจากการพัฒนาที่ดินเปล่าเป็นสิ่งปลูกสร้างแล้ว วิธีการลงทุนที่ดินเปล่ายอดนิยม คือ การครอบครองไว้เพื่อเก็งกำไร ซึ่งมีกลยุทธ์พื้นฐานในการสร้างกำไรให้มากขึ้นได้ ด้วย 2 กลยุทธ์ด้วยกัน 

  1. กลยุทธ์การซื้อและครอบครองไว้ (Buy and Hold) หมายถึง การลงทุนซื้อที่ดินเปล่าราคาถูกที่มีศักยภาพในการพัฒนาหรือมีแนวโน้มที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นในอนาคต โดยผู้ลงทุนถือทรัพย์ไว้มากกว่า 5 ปี เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมถึงรอเก็งกำไรให้ราคาที่ดินดีดตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ วิธีการนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็น สามารถถือทรัพย์ได้เป็นเวลานาน 
  2. กลยุทธ์ซื้อที่ดินเปล่าแปลงใหญ่เพื่อแบ่งขาย (Devide to Sell) หมายถึง การลงทุนซื้อที่ดินเปล่าแปลงใหญ่แล้วนำมาแบ่งโฉนดขายเป็นแปลงเล็กๆ ที่ขายง่ายกว่า เหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการถือทรัพย์เป็นเวลานานและไม่ต้องการแบกรับค่าภาษีที่ดีจำนวนมาก ทั้งนี้ วิธีการแบ่งที่ดินเพื่อขายต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยของที่ดินแต่ละแปลงและทางเข้าออกที่ติดถนน (ไม่แบ่งให้เกิดที่ดินตาบอด)

ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ จะช่วยให้สามารถลงทุนที่ดินเปล่าได้กำไรมากขึ้น

10. รู้วิธีสร้างรายได้จากที่ดินเปล่าระหว่างถือทรัพย์

กลยุทธ์สำคัญในการลงทุนที่ดิน คือ การถือทรัพย์เพื่อรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการขายเพื่อทำกำไร ทั้งนี้ ในระหว่างที่ถือทรัพย์ ผู้ลงทุนก็มีภาระที่ต้องชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ผู้ลงทุนสามารถแบ่งเบาหรือแม้กระทั่งสร้างกำไรระหว่างถือทรัพย์ได้ ยกตัวอย่างเช่น 

  • ปล่อยเช่าระยะสั้น 3 – 5 ปี โดยที่ไม่ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่
  • ทำตลาด/ตลาดนัดปล่อยเช่าพื้นที่ตั้งร้าน
  • ทำที่จอดรถ
  • พัฒนาเป็นแปลงเกษตรกรรมหรือปล่อยเช่าเพื่อทำเกษตรกรรม
  • ปล่อยเช่าเป็นโกดังหรือลานพักผลผลิตระยะสั้น 3 – 5 ปี

แทนที่จะถือทรัพย์ที่ดินเปล่าและจ่ายภาษีในทุกๆ ปี ผู้ลงทุนสามารถสร้างได้จากที่ดินเปล่าได้ด้วยวิธีเหล่านี้ ซึ่งนอกจากนี้จะทดแทนค่าภาษีแล้ว ยิ่งผู้ลงทุนสร้างรายได้ระหว่างถือทรัพย์ได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่า ต้นทุนในการลงทุนก็ยิ่งน้อยลงตามลงไปด้วย 

เริ่มต้นลงทุนที่ดินเปล่าด้วยสินเชื่อ ธอส. 

การลงทุนที่ดินเปล่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ผู้ลงทุนจะต้องอาศัยความรู้ ความอดทนและความเข้าใจในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ ซึ่ง 10 เรื่องที่ต้องรู้ข้างต้น เป็นเพียงความรู้พื้นฐานที่น่าจะช่วยเป็นแนวทางให้คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนที่ดินเปล่าได้

ทั้งนี้ คุณกำลังมองหาสินเชื่อสำหรับซื้อที่ดินลงทุน ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีสินเชื่อหลากหลายรูปแบบที่สามารถช่วยให้คุณลงทุนที่ดินและทำกำไรได้จากวิธีลงทุน OPM  ได้ 

กรอกข้อมูล เพื่อขอทราบรายละเอียดคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่

เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.ghbank.co.th   

ติดต่อ G H BANK Call Center : 02 645 9000

แหล่งข้อมูลอ้างอิงเนื้อหาจาก:

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บริการของเรา

สนใจผลิตภัณฑ์ธนาคาร

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน