ใครที่รอลุ้นมาตรการลดหย่อนภาษีปีนี้เรามีข่าวดีมาบอก โดยที่รัฐบาลเพิ่งประกาศมาตรการ Easy E-Receipt 2568 อัปเดตใหม่ล่าสุด ที่ให้คุณนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท แถมยังมีการแบ่งวงเงินพิเศษสำหรับซื้อสินค้าลดหย่อนภาษี 2568 จากร้านค้าชุมชนอีกด้วย บทความนี้จะพาไปดูกันว่าปีนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง
โครงการ Easy E-Receipt 2568 คืออะไร
โดย Easy E-Receipt 2568 คือมาตรการใหม่ที่มาแทนที่ช้อปดีมีคืน ซึ่งคราวนี้เน้นการใช้ e-tax invoice และ e-tax invoice & e-receipt เป็นหลัก เพื่อผลักดันให้ร้านค้าเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น สำหรับใครที่อยากรู้ว่า easy e-receipt ลดหย่อนภาษี ได้เท่าไหร่ ปีนี้ให้สิทธิลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท เลยทีเดียว
Easy E-Receipt 2568 แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างไร

ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะการแบ่งวงเงิน ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษี 2568 ออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกวงเงิน 30,000 บาทสำหรับซื้อของลดหย่อนภาษีทั่วไป และพิเศษเพิ่มอีก 20,000 บาท สำหรับซื้อสินค้า OTOP และวิสาหกิจชุมชน นี่เป็นครั้งแรกที่มีการแบ่งวงเงินแบบนี้ เพื่อช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนมากยิ่งขึ้น
อีกจุดที่แตกต่างจากปีที่แล้วคือระบบ e-tax invoice & e receipt ที่จะมีความเข้มงวดมากขึ้น จะต้องเป็นร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้เท่านั้น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันร้านค้าเข้าสู่ระบบภาษีดิจิทัล
Easy E-Receipt 2568 สามารถซื้ออะไรได้บ้าง

มาถึงส่วนที่หลายคนรอคอยว่าโครงการ Easy E-Receipt 2568 ช้อปลดหย่อนภาษี ปีนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูสิ่งที่น่าสนใจในปีนี้กันเลย
สินค้าและบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้
สำหรับคนที่อยากรู้ว่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าลดหย่อนภาษีได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ต้องซื้อจากร้านที่ออก e-tax invoice เท่านั้น โดยสินค้าและบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
- ซื้อสินค้าหรือบริการทั่วไปจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- ซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือ E-Book
- ซื้อสินค้า OTOP หรือซื้อสินค้าและบริการจากวิสาหกิจชุมชน
หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท เฉพาะยอดจากการซื้อสินค้า OTOP หรือซื้อสินค้าและบริการจากวิสาหกิจชุมชน
โดยที่หากรวมทั้ง 2 ส่วนแล้วจะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท
สินค้าและบริการที่ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้
แต่ก็มีของบางอย่างที่ easy e-receipt ลดหย่อนภาษี ไม่ได้นะ โดยสินค้าและบริการที่ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่
- สุรา เบียร์ ไวน์ และบุหรี่
- รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
- ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ
- ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับยานพาหนะ
- ค่าโทรศัพท์ และค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
- ค่าที่พักโรงแรมและบริการท่องเที่ยว
- บัตรกำนัลทุกประเภท
ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 2568
สำหรับคำถามว่าใครบ้างที่จะได้ใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 2568 โดยคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการมีดังนี้
- เป็นบุคคลธรรมดาที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้
- มีเงินได้พึงประเมินเกิน 150,000 บาทต่อปี
- มีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้อง
สรุปบทความ

Easy E-Receipt 2568 เป็นโอกาสดีที่จะช่วยประหยัดภาษี โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีแผนซื้อของใช้จำเป็นอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือต้องวางแผนการซื้อให้ดี เลือกร้านที่ออก e-tax invoice ได้ และอย่าลืมเก็บหลักฐานให้ดี
ส่วนใครสนใจเรื่องการวางแผนการเงินหรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ยินดีให้คำแนะนำ เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญพร้อมช่วยคุณวางแผนการเงินให้ตรงกับความต้องการ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สาขาใกล้บ้านคุณ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ของเราได้ทุกเวลา
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000