การรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย หรือนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจถึงค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ ในบทความนี้เราจะมาอธิบายถึงการรีไฟแนนซ์บ้านมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง รีไฟแนนซ์บ้านต้องเสียค่าอะไรบ้าง พร้อมเรื่องของการรีไฟแนนซ์บ้านที่ควรรู้ในปี 2567
3 ค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้าน 2568

อย่างที่ทราบกันดีว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและลดระยะเวลาในการผ่อนบ้าน พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง แต่ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ควรศึกษา รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อเป็นการประเมินความคุ้มค่ามาดูกันว่าค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้านมีอะไรบ้าง
1. ค่าปรับกรณีไถ่ถอนหลักประกันบ้าน ทาวน์โฮม คอนโด ก่อนกำหนด
เมื่อทำสัญญากู้ซื้อบ้าน ธนาคารมักกำหนดเงื่อนไขห้ามไถ่ถอนหลักประกันก่อนระยะเวลาที่กำหนด หากฝ่าฝืน คุณต้องเสียค่าปรับประมาณ 2-3% ของยอดหนี้คงเหลือ เช่น หากมียอดหนี้ 3 ล้านบาท และเสียค่าปรับ 3% คุณต้องจ่ายถึง 90,000 บาท ดังนั้นควรรอให้ครบกำหนดสัญญาก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน
2. ค่าใช้จ่ายการขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่น
เมื่อนำอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบแล้ว และได้อัตราดอกเบี้ยเป็นที่น่าพอใจ ต่อมาเป็นขั้นตอนของการเตรียมเอกสารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายในการขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารอื่น ดังนี้
- ค่าประกันอัคคีภัย ปกติจะทำทุก 1-3 ปี
- ค่าประเมินมูลค่าหลักประกัน ประมาณ 3,000 บาท (บางธนาคารอาจไม่เสีย)
- ค่าเบี้ยประกัน MRTA (ขึ้นอยู่กับผู้กู้ว่าจะทำหรือไม่ หากทำจะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ)
- ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในการทำสัญญากับธนาคาร (บางธนาคารอาจไม่เสีย)
3. ค่าใช้จ่าย ณ กรมที่ดิน
การรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 เปรียบเสมือนการขอสินเชื่อใหม่ จึงมีค่าใช้จ่ายที่กรมที่ดินอีกครั้ง ได้แก่ ค่าจดจำนอง 1% และค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ ตัวอย่างเช่น หากรีไฟแนนซ์ในวงเงิน 2 ล้านบาท ต้องเตรียมค่าจดจำนอง 20,000 บาท และค่าอากรแสตมป์ 1,000 บาท
3 เทคนิค รีไฟแนนซ์บ้านอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

การรีไฟแนนซ์บ้าน กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับเจ้าของบ้านยุคใหม่ที่ต้องการลดภาระ ลดดอกเบี้ย หรือเพิ่มวงเงินกู้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการเงิน แต่การที่จะรีไฟแนนซ์บ้านให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด อาจไม่ใช่แค่การทำเรื่องย้ายยอดหนี้ไปยังธนาคารที่มีดอกเบี้ยถูกที่สุดเท่านั้น เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ควรพิจารณา มาดูกันว่า 3 เทคนิค รีไฟแนนซ์บ้านให้คุ้มค่าควรทำอย่างไรบ้าง
1. ศึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายการรีไฟแนนซ์
ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้านประกอบไปด้วยหลายรายการ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าประเมินราคาบ้าน ค่านายหน้า และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คุณควรคำนวณค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ครบถ้วน เพื่อเปรียบเทียบกับการประหยัดดอกเบี้ยที่จะได้รับว่าคุ้มค่าที่จะรีไฟแนนซ์บ้านหรือไม่ พร้อมทั้งการศึกษาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอจากธนาคารต่าง ๆ อย่างละเอียด โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญเหล่านี้
- อัตราดอกเบี้ย เปรียบเทียบทั้งอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่และแบบผันแปร ระยะเวลาโปรโมชัน และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
- ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ พิจารณาประเภทของสินเชื่อที่เหมาะกับความต้องการตนเอง เช่น วงเงินกู้ ระยะเวลาการผ่อนชำระ หรือเงื่อนไขในการผ่อนชำระ
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม บางธนาคารอาจมีโปรโมชันพิเศษ เช่น ฟรีค่าธรรมเนียม ประกันชีวิต หรือวงเงินกู้พิเศษ
- บริการของธนาคาร พิจารณาความสะดวก รวดเร็ว และความน่าเชื่อถือของธนาคาร
2. มองหาดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่าเดิม
การรีไฟแนนซ์บ้านให้เกิดความคุ้มค่าจะต้องมองหาอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่าเดิม โดยสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนชำระระหว่างวาระดอกเบี้ยโปรโมชันในช่วง 1-3 ปี ของที่ใหม่ กับอัตราดอกเบี้ยหลังจากดอกเบี้ยโปรโมชันหมดลง เพราะหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นลักษณะลอยตัว ดังนั้น จึงต้องมีการตรวจสอบส่วนต่างของดอกเบี้ยระหว่างดอกเบี้ยธนาคารเดิมกับค่าใช้จ่ายหลังรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารใหม่ว่ามีส่วนลดมากพอหรือไม่ เพราะในทุกปีแต่ละธนาคารจะออกโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดลูกค้า ผู้กู้จึงมีหน้าที่เปรียบเทียบเพื่อหาอัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุด
3. พิจารณาเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคล
ในกรณีที่ทำเรื่องรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ ทางธนาคารใหม่จะนำเสนอสินเชื่อต่อเติมบ้านมาให้เราด้วย ผู้กู้จึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจรับสินเชื่อนี้ เนื่องจากสินเชื่อต่อเติมบ้านเป็นวงเงินก่อนใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อประเภทที่อยู่อาศัย หากผู้กู้มีเป้าหมายในการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดดอกเบี้ย การรับข้อเสนอสินเชื่อประเภทนี้ก็อาจจะผิดวัตถุประสงค์ของการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้

การรีไฟแนนซ์บ้านช่วยประหยัดเงินได้เท่าไหร่
การรีไฟแนนซ์บ้านที่วางแผนอย่างรอบคอบสามารถช่วยประหยัดเงินได้มาก ยกตัวอย่างกรณีศึกษา คุณสมหมาย อายุ 32 ปี มีหนี้คงเหลือ 3 ล้านบาท เหลือระยะเวลาผ่อน 20 ปี หากยังอยู่กับธนาคารเดิมที่ดอกเบี้ย 5.90% ต่อปี จะเสียดอกเบี้ยประมาณ 1,792,617 บาท แต่หากรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกที่ 3.85% จะเสียดอกเบี้ยเพียง 1,367,723 บาท ประหยัดไปได้ถึง 424,894 บาท
ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านเท่าไหร่
ก่อนตัดสินใจทำรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 คุณควรเตรียมค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านดังนี้
- ค่าประเมินราคาหลักประกัน: 2,000-3,500 บาท (บางธนาคารยกเว้นให้)
- ค่าจดจำนอง: 1% ของยอดสินเชื่อใหม่ (ล้านละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท)
- ค่าอากรแสตมป์: 0.05% ของวงเงินกู้ (ไม่เกิน 10,000 บาท)
- ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร
- ค่าประกันอัคคีภัย: ต้องทำทุก 1-3 ปีตามกฎหมาย
- ค่าเบี้ยประกัน MRTA (หากเลือกทำ)
สรุปค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้าน 2567
สุดท้ายนี้ หลังจากที่ได้รู้ไปแล้วว่าค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้าน 2567 มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หวังว่าคงทำให้หลายคนสามารถวางแผนของตนเองต่อไปได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ส่วนใครที่กำลังอยากมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง เราขอแนะนำโครงการสินเชื่อจาก ธอส. ที่มีโครงการสินเชื่อมากมายที่ตอบโจทย์คนไทยทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ พร้อมบริการคำนวณสินเชื่อเพื่อช่วยสานฝันให้คุณได้มีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเองได้สำเร็จ
สำหรับใครที่กำลังต้องการขอสินเชื่อบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีสินเชื่อที่หลากหลาย เพื่อออกแบบมาให้เหมาะสมกับเงื่อนไขของทุกคน พร้อมเปิดกว้างให้กับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยหลากหลายกลุ่ม
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติตด่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000