สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน มาเช็กความพร้อมในการรีไฟแนนซ์ของคุณ พร้อมวิธีเลือกสถาบันการเงินในการรีไฟแนนซ์ให้คุ้มค่า
การขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมียอดสูงมาก ทำให้ผู้กู้ต้องใช้เวลาในการชำระคืนทั้งเงินต้นพร้อมทั้งอัตราดอกเบี้ยเป็นจำนวนมากและเป็นเวลานาน
การยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้ที่กำลังผ่อนบ้านกับสถาบันการเงินอยู่ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ด้วยการย้ายสินเชื่อไปยังสถาบันการเงินแห่งใหม่ ที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง และยังทำให้การผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้นด้วย
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน มาเช็กความพร้อมในการรีไฟแนนซ์ของคุณ พร้อมวิธีเลือกสถาบันการเงินในการรีไฟแนนซ์ให้คุ้มค่า สบายกระเป๋ามากที่สุด
เช็กความพร้อมในการรีไฟแนนซ์บ้านของคุณ

1. เช็กวงเงินที่ต้องการเมื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
ในการขอรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินแห่งใหม่ จะเป็นการนำเงินกู้จากสินเชื่อก้อนใหม่ไปปิดสินเชื่อก้อนเดิม ซึ่งสถาบันการเงินใหม่จะใช้การประเมินราคาบ้าน ในการกำหนดวงเงินใหม่กู้ใหม่ ที่อาจทำให้ผู้กู้ได้วงเงินก้อนใหม่ เกินวงเงินปิดสินเชื่อก้อนเดิมมาด้วย
เช่น คุณขอสินเชื่อบ้านกับสถาบันการเงินแรกจำนวน 3.2 ล้านบาท ผ่อนไปแล้ว 3 ปี มียอดหนี้คงเหลือ 2.8 ล้านบาท เมื่อยื่นขอรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ ราคาประเมินบ้านอาจจะเป็น 3.5 ล้านบาท ทำให้คุณมีส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์อยู่ 7 แสนบาท
ทำให้ส่วนต่างจากการกู้นี้ คุณสามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ และการชำระคืนก็ผ่อนรวมเป็นค่าบ้านปกติกับสถาบันการเงินได้เลย
2. เช็กสัญญาว่าคุณสามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้เมื่อไร
ก่อนที่จะเริ่มหาสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อยื่นขอรีไฟแนนซ์ ให้คุณตรวจเช็กสัญญาสินเชื่อบ้านกับสถาบันการเงินเดิมก่อน ว่าสามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้ในช่วงเวลาไหน เพราะถ้าหากขอรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ก็จะทำให้คุณต้องเสียค่าปรับที่อาจไม่คุ้มกับการขอรีไฟแนนซ์ได้
สำหรับสัญญาเงินกู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่ จะกำหนดระยะเวลาเอาไว้ที่ 3-5 ปี นับจากวันที่ทำสัญญา จึงจะสามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้โดยไม่เสียค่าปรับ แต่ถ้าหากมีการยื่นรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ก็จะมีค่าเบี้ยปรับการไถ่ถอนจำนองก่อนครบกำหนด 0-3% ของวงเงินกู้ ซึ่งถ้าหากนำมาคำนวณกับวงเงินกู้ที่มียอดสูงๆ แล้ว ค่าปรับก็จะยิ่งสูงขึ้น
หากว่าคุณตรวจสอบสัญญาแล้วว่าสามารถยื่นรีไฟแนนซ์กับที่ใหม่ได้ ก็ทำการติดต่อกับสถาบันการเงินแห่งเดิมเพื่อขอสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้านที่ค้างอยู่ และนำเอกสารนั้นไปประกอบกับเอกสารอื่นๆ ที่ต้องใช้ในการขอรีไฟแนนซ์บ้านได้เลย
3. เช็กความพร้อมในเรื่องดำเนินเอกสาร
สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านไปยังสถาบันการเงินใหม่ ในขั้นตอนการดำเนินการกับสถาบันการเงินแห่งใหม่จะเหมือนกับการขอสินเชื่อในครั้งแรก ทำให้การเตรียมตัวในเรื่องเอกสารจะต้องมีความพร้อม เพื่อให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินแห่งใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น
สำหรับลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านกับ ธอส. มีเอกสาร 3 ประเภทที่ต้องเตรียมให้พร้อม คือ
- เอกสารส่วนบุคคล เช่น บัตรประจำตัวประชาชน/บัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล
- เอกสารทางการเงิน เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
- เอกสารหลักประกัน เช่น หลักฐานการเป็นเจ้าของบ้าน สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินฉบับกรมที่ดิน ใบเสร็จประวัติการผ่อนชำระย้อนหลัง 12 เดือน สำเนาสัญญากู้เงิน / สัญญาจำนอง
4. เช็กความพร้อมในเรื่องค่าใช้จ่าย
ในการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินใหม่ นอกจากการเตรียมตัวเรื่องเอกสารยื่นกู้สินเชื่อแล้ว ก็ยังมีเรื่องค่าธรรมเนียมในการดำเนินการที่ต้องเตรียมให้พร้อมด้วย โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมจะอยู่ที่ประมาณ 2-3% ของวงเงินรีไฟแนนซ์ ค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อกับ ธอส. ได้แก่
- ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าธรรมเนียม 2,800 บาท/แห่ง สำหรับวงเงินขอกู้ 500,001-3,000,000 บาท และ ค่าธรรมเนียม 3,100 บาท/แห่ง สำหรับวงเงินขอกู้ มากกว่า 3,000,000 บาท
- ค่าจดจำนอง ร้อยละ 1 ของวงเงินกู้
- ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 2.5 ของราคาประเมิน
รวมถึงยังมีค่าประกันอัคคีภัย ที่เป็นประกันภัยภาคบังคับตามกฎหมาย และค่าประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ MRTA ที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ขอสินเชื่อด้วย
5. เช็กเครดิตทางเงินของคุณอีกครั้ง
การยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินใหม่ ผู้กู้จะต้องรักษาเครดิตทางเงินเอาไว้ ให้เหมือนกับตอนยื่นขอสินเชื่อบ้านครั้งแรก เพื่อให้ทางสถาบันการเงินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยคุณสมบัติของผู้กู้ที่จะทำให้การขอรีไฟแนนซ์ได้รับการอนุมัติสะดวกขึ้น มีดังนี้
- มีประวัติการเป็นลูกหนี้ที่ดีกับสถาบันการเงินเดิมไม่น้อยกว่า 12 เดือน
- ไม่ติดแบล็คลิสต์ เป็นสิ่งสำคัญมากกับการขอสินเชื่อทุกชนิด เพราะหากคุณมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี สถาบันการเงินจะไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้
- ไม่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ล่าช้า หากว่าไม่ได้ติดแบล็คลิสต์ แต่ผู้กู้มีประวัติการชำระหนี้ล่าช้า ขาดการชำระบ่อย นั่นอาจทำให้สถาบันการเงินมองว่าผู้กู้อาจกำลังมีปัญหาทางการเงิน ก็อาจจะไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้
- มีภาระหนี้รวมไม่เกิน 65-70% ของเงินเดือน โดยเมื่อคำนวณแล้วว่ามีภาระหนี้รวมทั้งหมดเกินกว่านี้ ให้ทำการเคลียร์ยอดให้ลดลงมากที่สุดก่อน เพื่อให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น
เลือกรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินไหนดี?
1. สถาบันการเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม
จุดประสงค์หลักในการยื่นขอรีไฟแนนซ์ ก็เพื่อให้ผู้กู้ได้รับอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลง จากที่การผ่อนบ้านกับสถาบันการเงินเดิม โดยในช่วง 1-3 ปีแรกอัตราดอกเบี้ยมักจะถูกจากการจัดโปรโมชันของแต่ละที่
แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยมักจะลอยตัวสูงขึ้น ทำให้การผ่อนบ้านที่จ่ายเท่าเดิมทุกเดือน แต่ถูกนำไปหักในส่วนดอกเบี้ยมากขึ้น เงินต้นจึงลดช้าลง และยังต้องผ่อนบ้านไปอีกหลายปีตามระยะเวลาในสัญญาด้วย
โดยการเลือกรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ จะต้องมองหาและเปรียบเทียบสถาบันการเงินที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงกว่าที่กำลังชำระอยู่ หรือรวมอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาแล้วจะต้องได้ถูกกว่า เพื่อให้การผ่อนบ้านของคุณคุ้มค่าและประหยัดเงินได้มากที่สุด
2. สถาบันการเงินที่มีสินเชื่อรองรับการรีไฟแนนซ์โดยเฉพาะ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสถาบันการเงินเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาโครงการสินเชื่อที่รองรับการรีไฟแนนซ์บ้าน เนื่องจากการเลือกโครงการที่ตรงจุดประสงค์และเงื่อนไขในการขอสินเชื่อ จะช่วยให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่สะดวกยิ่งขึ้น โดยทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีโครงการสินเชื่อเพื่อลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์โดยเฉพาะ หากท่านใดที่ให้ความสนใจขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์สามารถติดต่อได้ที่ https://bit.ly/3AbWF9S
3. สถาบันการเงินที่ให้ระยะเวลาผ่อนและข้อเสนอที่ตรงใจ
ระยะเวลาในการผ่อนบ้านตามสัญญา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้จำนวนเงินในการผ่อนบ้านในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ โดยถ้าหากว่าคุณต้องการให้บ้านผ่อนหมดได้ไว ก็สามารถเลือกระยะเวลาผ่อนที่สั้นลง เลือกผ่อนชำระเพิ่มขึ้น ก็จะผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น
ส่วนใครที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายต่อเดือน ก็สามารถเลือกเพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น จำนวนงวดในการผ่อนชำระก็จะยาวขึ้น ช่วยลดยอดในการผ่อนชำระค่าบ้านในแต่ละเดือนได้
นอกจากนี้ แต่ละสถาบันการเงินก็จะมีข้อเสนอและเงื่อนไขที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแตกต่างกันออกไป จึงควรอ่านรายละเอียดของโครงการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับให้ดีก่อน เพื่อให้คุณเลือกรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินที่คุ้มค่าและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด
รีไฟแนนซ์บ้านกับ ธอส.
หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธอส. มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับการขอรีไฟแนนซ์บ้าน ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงและเลือกยืดระยะเวลาผ่อนได้สูงถึง 40 ปี ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าผ่อนชำระบ้านได้แบบสบายกระเป๋า และยังผ่อนบ้านหมดไวยิ่งขึ้น
หากสนใจขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
G H BANK Call Center: 0-2645-9000