การซื้อบ้านเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตที่ต้องผูกพันกับภาระการผ่อนชำระเป็นเวลานาน ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หรือ MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงทางการเงินให้กับผู้กู้และครอบครัว หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นน่าสนใจคือ ประกันบ้านลดหย่อนภาษีได้ไหม ซึ่งหลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ค่าเบี้ยประกัน MRTA สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด บทความนี้จะรวบรวมสาระสำคัญของ MRTA ที่คนอยากมีบ้านควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจ
- ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) คืออะไร
- ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) สามารถลดหย่อนภาษีได้ไหม
- ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) ใช้ลดหย่อนภาษีได้อย่างไร
- ควรทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) หรือไม่
- 4 ข้อดีของการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA)
- ธอส. มาพร้อมสินเชื่อหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) คืออะไร

ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) หรือ ประกัน MRTA คือ ประกันชีวิตรูปแบบพิเศษที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้กู้สินเชื่อบ้าน เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงในช่วงระยะเวลาที่ต้องผ่อนชำระ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อชำระหนี้สินเชื่อบ้านที่คงเหลือทั้งหมดให้กับสถาบันการเงิน หากผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทำให้ภาระหนี้ไม่ตกเป็นของทายาทหรือผู้ค้ำประกัน
โดยประกัน MRTA เป็นประกันที่เน้นความคุ้มครองชีวิตเป็นหลัก ไม่มีส่วนของเงินออมหรือเงินคืนระหว่างสัญญา ไม่มีเงินครบกำหนดสัญญา และทุนประกันจะลดลงตามยอดหนี้คงเหลือ ซึ่งสอดคล้องกับการทยอยชำระเงินกู้คืนให้กับธนาคาร จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงที่มีภาระการผ่อนบ้าน
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) สามารถลดหย่อนภาษีได้ไหม
ประกันบ้านลดหย่อนภาษีได้ไหม คำตอบคือ “ได้” หากเป็นประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด โดยค่าเบี้ยประกัน MRTA สามารถนำไปใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีภาษี
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำคัญที่ต้องทราบคือ การลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกัน MRTA นั้น จะสามารถลดหย่อนได้เฉพาะในปีที่มีการจ่ายเบี้ยประกันเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปคือปีแรกที่ทำประกัน แม้ว่าคุณจะผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันพร้อมกับค่างวดบ้านเป็นรายเดือนก็ตาม เนื่องจากบริษัทประกันได้รับเงินค่าเบี้ยประกันครบจำนวนแล้วตั้งแต่วันแรกที่ทำประกัน
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) ใช้ลดหย่อนภาษีได้อย่างไร
เพื่อให้สามารถนำค่าเบี้ยประกันบ้านลดหย่อนภาษีได้อย่างถูกต้อง ต้องเข้าใจเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ดังนี้
- ประกัน MRTA ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ต้องเป็นประกันที่ทำกับบริษัทประกันชีวิตที่ประกอบกิจการในประเทศไทยเท่านั้น
- สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี (รวมกับเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากแบบมีเงื่อนไขประเภทสงเคราะห์ชีวิต)
วิธีการนำไปลดหย่อนภาษี ให้นำหลักฐานการชำระเงินค่าเบี้ยประกัน MRTA ไปแสดงในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี โดยระบุจำนวนเงินที่ต้องการลดหย่อนในช่องค่าเบี้ยประกันชีวิต ทั้งนี้ หากชำระค่าเบี้ยประกันครั้งเดียวทั้งจำนวน จะสามารถนำไปลดหย่อนได้เฉพาะในปีที่จ่ายเท่านั้น
ควรทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) หรือไม่
การตัดสินใจว่า “ประกัน MRTA ควรทำไหม” ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเงินและความรับผิดชอบที่มีต่อครอบครัว ผู้กู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัวและมีภาระค่าใช้จ่ายสูง ควรพิจารณาทำประกัน MRTA เพื่อป้องกันไม่ให้ภาระหนี้บ้านตกไปยังทายาทหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
อย่างไรก็ตาม การทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านเป็นความสมัครใจ ไม่ใช่ข้อบังคับในการขอสินเชื่อ และไม่มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อ ผู้กู้ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าและความจำเป็น โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ รวมถึงสิทธิในการลดหย่อนภาษีและการได้รับอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำกว่าปกติประกอบการตัดสินใจ
4 ข้อดีของการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA)

การทำประกัน MRTA มีข้อดีหลายเรื่องที่ช่วยให้การผ่อนชำระบ้านมีความคุ้มค่าและปลอดภัยมากขึ้น โดยข้อดีหลักๆ ประกอบด้วย 4 ข้อดี ได้แก่
1. ช่วยป้องกันความเสี่ยง
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต เช่น การเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถชำระหนี้สินเชื่อบ้านได้อีกต่อไป โดยบริษัทประกันจะเข้ามาชำระหนี้คงเหลือแทนผู้กู้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
นี่คือข้อดีที่สำคัญที่สุดของ ประกัน MRTA เพราะช่วยให้ทายาทไม่ต้องแบกรับภาระหนี้ก้อนใหญ่ ทำให้บ้านยังเป็นของครอบครัวโดยปราศจากภาระหนี้ แม้ว่าผู้กู้จะไม่สามารถชำระหนี้ต่อไปได้ด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคนที่เรารัก
2. สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้
ประกันบ้านลดหย่อนภาษีได้จริง โดยเบี้ยประกัน MRTA สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ทั้งนี้ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย
การได้นำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีช่วยให้ประหยัดภาษีได้สูงสุดถึง 35,000 บาท (กรณีอยู่ในอัตราภาษีสูงสุด 35%) ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมที่ช่วยลดต้นทุนในการทำประกัน MRTA ได้อย่างมีนัยสำคัญ
3. ค่าเบี้ยประกัน MRTA กู้พร้อมสินเชื่อ และผ่อนชำระพร้อมค่างวดได้
ข้อดีอีกหนึ่งอย่างของประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านคือ ผู้กู้สามารถรวมค่าเบี้ยประกัน MRTA ไว้ในวงเงินกู้ และผ่อนชำระพร้อมกับค่างวดบ้านได้ ทำให้ไม่ต้องรับภาระจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว ธนาคารส่วนใหญ่มักอนุมัติวงเงินกู้เพิ่มเติมสำหรับค่าเบี้ยประกัน MRTA โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ผู้กู้ยังสามารถเลือกระดับความคุ้มครองได้ตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องทำประกันเต็มวงเงินกู้หรือคุ้มครองตลอดระยะเวลากู้ทั้งหมด ซึ่งช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารค่าใช้จ่าย
4. อัตราดอกเบี้ยบ้านถูกกว่าการไม่ทำประกัน MRTA
ข้อดีที่หลายคนอาจมองข้ามคือ การทำประกัน MRTA มักทำให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำกว่าปกติ โดยธนาคารส่วนใหญ่จะเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับผู้กู้ที่ทำประกัน MRTA ด้วย โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 0.25%-0.50% ทั้งนี้เนื่องจากความเสี่ยงของธนาคารลดลงจากการที่ผู้กู้มีประกัน
การได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แม้เพียงเล็กน้อย แต่เมื่อคำนวณตลอดระยะเวลาการกู้ที่ยาวนาน จะพบว่าสามารถประหยัดดอกเบี้ยได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในบางกรณีอาจมากกว่าค่าเบี้ยประกัน MRTA ที่จ่ายไป
ธอส. มาพร้อมสินเชื่อหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน (MRTA) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การมีบ้านเป็นของตนเองมีความมั่นคงมากขึ้น หากคุณกำลังวางแผนซื้อบ้านและพิจารณาทำประกัน MRTA ควรศึกษาเงื่อนไขให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการนำประกันบ้านลดหย่อนภาษี และเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมพร้อมตัวเลือกประกัน MRTA ที่คุ้มค่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีสินเชื่อหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน Life Begins with GHB สินเชื่อบ้าน GHB Precious สินเชื่อบ้านอยู่เย็นเป็นสุข สินเชื่อบ้านสวัสดิการ หรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งหมดมาพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น และบริการให้คำปรึกษาครบวงจร
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000