การมีบ้านเป็นของตัวเองถือว่าเป็นความฝันของผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน แต่การซื้อบ้านอาจต้องอาศัยสินเชื่อจากธนาคารที่มาพร้อมกับภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเป็นระยะเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปผู้กู้อาจต้องการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งมีสองวิธีหลัก ๆ ที่นิยมใช้กัน นั่นก็คือ “รีเทนชั่น” และ “รีไฟแนนซ์” หลายคนอาจยังสงสัยว่าทั้งสองวิธีนี้แตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนจะเหมาะสมกับตนเองมากกว่า บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเหล่านี้อย่างละเอียด
รีเทนชั่น คืออะไร
รีเทนชั่น (Retention) คือ การเจรจาต่อรองกับธนาคารเจ้าหนี้เดิมเพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน โดยทั่วไปสามารถทำได้หลังจากผ่อนชำระบ้านมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี วิธีนี้เป็นทางเลือกที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยโดยไม่ต้องเปลี่ยนธนาคาร
รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร
รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การขอสินเชื่อบ้านใหม่จากธนาคารอื่นเพื่อชำระหนี้สินเชื่อบ้านเดิม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงหรือเงื่อนไขสินเชื่อที่ดีกว่าเดิม โดยข้อดีของการรีไฟแนนซ์อาจมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมากกว่าการรีเทนชั่น สามารถเลือกธนาคารที่ให้ข้อเสนอดีที่สุดได้ และสามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสินเชื่ออื่น ๆ เช่น ระยะเวลาการผ่อน
ข้อดีของการรีเทนชั่น

- กระบวนการง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการเจรจากับธนาคารเดิม จึงใช้เอกสารน้อยและได้รับการพิจารณาเร็วกว่า
- ค่าใช้จ่ายต่ำ มีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการต่ำ โดยทั่วไปประมาณ 1-2% ของยอดหนี้คงเหลือ
- ไม่ต้องประเมินราคาทรัพย์สินใหม่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการประเมินราคาบ้านใหม่
- รักษาความสัมพันธ์กับธนาคารเดิม อาจเป็นประโยชน์ในการขอสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต
- เหมาะสำหรับยอดหนี้ไม่สูงมาก สำหรับผู้ที่มียอดหนี้คงเหลือไม่มาก การรีเทนชั่นอาจคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์
รีเทนชั่น กับรีไฟแนนซ์แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนคุ้มกว่ากัน

การเลือกระหว่างรีเทนชั่นและรีไฟแนนซ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ในด้านอัตราดอกเบี้ย การรีเทนชั่นมักได้ส่วนลดดอกเบี้ยน้อยกว่า (0.25-0.50%) ในขณะที่การรีไฟแนนซ์มีโอกาสได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่ามาก ส่วนกระบวนการรีเทนชั่นง่าย รวดเร็ว และใช้เอกสารน้อย แต่การรีไฟแนนซ์ซับซ้อนกว่า ต้องยื่นเอกสารและผ่านการพิจารณาใหม่ทั้งหมด
ในแง่ของค่าใช้จ่าย การรีเทนชั่นมีค่าธรรมเนียมต่ำ (1-2% ของยอดหนี้) ในขณะที่การรีไฟแนนซ์มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า รวมถึงค่าประเมินราคาบ้านใหม่ ด้านความยืดหยุ่น การรีเทนชั่นจำกัดอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารเดิม แต่การรีไฟแนนซ์สามารถเลือกธนาคารและเงื่อนไขใหม่ได้
โดยทั่วไป การรีเทนชั่นเหมาะสำหรับยอดหนี้คงเหลือไม่สูงมาก (ต่ำกว่า 1 ล้านบาท) ในขณะที่การรีไฟแนนซ์เหมาะสำหรับยอดหนี้สูง และต้องการส่วนลดดอกเบี้ยมาก การเลือกว่าแบบไหนคุ้มกว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ส่วนบุคคล หากยอดหนี้คงเหลือน้อยและต้องการความสะดวกรวดเร็ว รีเทนชั่นอาจเหมาะสมกว่า แต่หากยอดหนี้ยังสูงและต้องการลดดอกเบี้ยให้มากที่สุด รีไฟแนนซ์อาจคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
เอกสารที่ใช้ในการรีเทนชั่น
การรีเทนชั่นบ้านใช้เอกสารน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์มาก เนื่องจากธนาคารมีข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้ว โดยทั่วไป เอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่
- สัญญาเงินกู้เดิม
- ทะเบียนบ้านของผู้กู้ (พร้อมสำเนา)
- บัตรประชาชนของผู้กู้ (พร้อมสำเนา)
- สลิปเงินเดือนล่าสุด (บางกรณี)
- Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (บางกรณี)
ทั้งนี้ เอกสารที่ต้องใช้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละธนาคาร ควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากธนาคารโดยตรง
ขั้นตอนการรีเทนชั่นต้องทำอะไรบ้าง
- ตรวจสอบเงื่อนไขการรีเทนชั่น สอบถามธนาคารว่าสามารถทำการรีเทนชั่นบ้านได้หรือไม่ และมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
- รวบรวมเอกสาร เตรียมเอกสารตามที่ธนาคารกำหนด
- ยื่นคำขอรีเทนชั่น ติดต่อธนาคารเพื่อยื่นคำขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- เจรจาต่อรอง หากธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยใหม่ คุณสามารถเจรจาต่อรองเพิ่มเติมได้
- พิจารณาข้อเสนอ เมื่อได้รับข้อเสนอ ให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่าคุ้มค่ากับการรีเทนชั่นหรือไม่
- ลงนามในเอกสาร หากตกลงกับข้อเสนอ ลงนามในเอกสารยืนยันการปรับเงื่อนไขสินเชื่อ
- ชำระค่าธรรมเนียม ชำระค่าธรรมเนียมการรีเทนชั่น (ถ้ามี)
- รับเงื่อนไขใหม่ อัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลในงวดการชำระถัดไป
สรุปการรีเทนชั่นแตกต่างกับรีไฟแนนซ์อย่างไร

การรีเทนชั่นบ้านและรีไฟแนนซ์เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารสินเชื่อบ้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรีเทนชั่นคือการเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ในขณะที่รีไฟแนนซ์คือการขอสินเชื่อใหม่จากธนาคารอื่นเพื่อชำระหนี้เดิม ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
สุดท้ายนี้ หากยังมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหรือเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด การตัดสินใจที่รอบคอบในการจัดการสินเชื่อบ้านจะส่งผลดีต่อสุขภาพทางการเงินของคุณในระยะยาว
สำหรับใครที่กำลังต้องการขอสินเชื่อบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีสินเชื่อที่หลากหลาย เพื่อออกแบบมาให้เหมาะสมกับเงื่อนไขของทุกคน พร้อมเปิดกว้างให้กับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยหลากหลายกลุ่ม
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000
ที่มา : https://www.refinn.com/blog/retention