การซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด ทาวน์โฮม หรือที่อยู่อาศัยอื่นๆ หลายคนจะเลือกวิธีการขอสินเชื่อกับธนาคาร และใช้วิธีการผ่อนชำระคืนธนาคารตามกำหนดไปเรื่อยๆ
แต่ระยะเวลาในการผ่อนชำระ ยิ่งนาน ยิ่งต้องเสียดอกเบี้ยเยอะ หลายคนจึงต้องหาวิธีในการผ่อนบ้านให้หมดไวขึ้น เพื่อให้ภาระค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนลดลง และสร้างอิสระทางการเงินให้กับตนเองได้เร็ว
บทความนี้มาดู 7 เคล็ดลับ ที่ช่วยให้คนที่กำลังเริ่มผ่อนบ้าน หรือผ่อนบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อให้ผ่อนบ้านหมดได้ไวขึ้น และใช้เวลาในการผ่อนลดลงได้มากถึง 10 ปี
ทำไมต้องผ่อนบ้านให้หมดไวขึ้น
สำหรับมนุษย์เงินเดือนในยุคนี้ ถ้าหากมีการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ก็จะต้องหักค่าใช้จ่าย 30% ของเงินเดือน หรือมากกว่านั้น เพื่อการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน ซึ่งนอกจากจะต้องใช้เวลานานหลายปีแล้ว ก็ทำให้อิสรภาพที่จะใช้เงินไปกับสิ่งอื่นๆ ลดลงไปด้วย
จึงทำให้คนส่วนใหญ่ที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ มองหาวิธีในการผ่อนบ้านให้หมดไวขึ้น เพื่อให้ระยะเวลาของสินเชื่อลดลง หมดภาระผ่อนจ่ายได้เร็วขึ้น และได้นำเงินส่วนนั้นไปกับสร้างความสุขให้กับชีวิตในรูปแบบอื่นๆ ด้วย
รวม 7 เคล็ดลับ ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดไวขึ้นเป็น 10 ปี
อยากผ่อนบ้านให้หมดไวขึ้นเป็น 10 ปี มาดูกันเลย ว่ามีเคล็ดลับไหนบ้าง ที่คุณสามารถนำไปทำได้เลยในการผ่อนจ่ายค่าบ้านงวดต่อไป
1. เร่งโปะในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ในการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารนั้น จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เข้าไปด้วย ทำให้ในแต่ละเดือนที่มีการผ่อนชำระคืน เงินที่จ่ายไปจะถูกแบ่งออกไป 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนด และส่วนที่เหลือจะนำไปหักเงินต้นให้ลดลง
เช่น ขอสินเชื่อซื้อบ้านจำนวน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ระยะเวลาในการผ่อน 30 ปี โดยแต่ละเดือนกำหนดให้ชำระ 10,000 บาท ซึ่งเมื่อชำระไปแล้วเงินจะถูกหักดอกเบี้ยไปจำนวน 5,095.89 บาท และที่เหลือจะไปหักในส่วนเงินต้น 4,904.11 บาท ทำให้ในงวดถัดไป เงินต้นจะเหลืออยู่ 2,000,000 – 4,904.11 = 1,995,095.89 บาท
(จำนวนต่างๆ ในการคำนวณเป็นตัวอย่างที่กำหนดขึ้น เพื่อความเข้าใจในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านเท่านั้น)
แต่สำหรับการขอสินเชื่อบ้านในช่วง 3 ปีแรก ธนาคารมักจะมีโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำ ทำให้จำนวนดอกเบี้ยที่ถูกหักไปจากยอดชำระแต่ละงวดลดลง และเงินถูกนำไปลดในส่วนของเงินต้นเยอะขึ้น
ในช่วงนี้จึงเหมาะกับการ ผ่อนแต่ละงวดให้เยอะ หรือชำระค่าผ่อนสินเชื่อในแต่ละเดือน ให้จำนวนมากกว่าอัตราเรียกเก็บ เพื่อให้เงินส่วนเกินถูกนำไปหักในส่วนของเงินต้นเยอะขึ้น โดยอาศัยจังหวะช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ
2. ผ่อนให้เยอะกว่าค่างวดทุกเดือน (รูปแบบที่ 1)
จากตัวอย่างในเคล็ดลับที่ 1 เราได้เห็นกันไปแล้วว่า ในแต่ละงวดที่ทำการผ่อนค่าบ้านนั้น เงินส่วนหนึ่งจะถูกหักไปเป็นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินต้นที่ถูกหักในแต่ละงวดนั้นมีจำนวนน้อยลง
ถ้าอยากให้เงินต้นถูกหักลดลง คุณสามารถใช้วิธีการผ่อนให้เยอะกว่าค่างวดที่ต้องผ่อนชำระทุกเดือน โดยเพิ่มจากจำนวนที่ต้องผ่อนในแต่ละงวดไปอีก ตั้งแต่ 10%-50% ของจำนวนเงิน
เช่น เพิ่มจำนวนเงินผ่อน 20% ของยอด 10,000 บาท จะได้ 12,000 บาท
หากขอสินเชื่อซื้อบ้าน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ระยะเวลาในการผ่อน 30 ปี (เทียบกับข้อ 1) และเพิ่มยอดผ่อนเป็น 12,000 บาท
จะถูกหักดอกเบี้ยไปจำนวน 5,095.89 บาท และที่เหลือจะไปหักในส่วนเงินต้น 6,904.11
จะได้ 2,000,000 – 6,904.11 = 1,993,095.89 ซึ่งเมื่อเทียบกับแบบแรกที่ต้องจ่ายตามเรียกกำหนด จะเห็นว่าเงินต้นจะถูกหักลบไปเยอะกว่า ถึง 2,000 บาท
3. ผ่อนให้เยอะกว่าค่างวดทุกเดือน (รูปแบบที่ 2)
เคล็ดลับถัดไป เป็นการขยายทางเลือกสำหรับคนที่อยากผ่อนให้เยอะกว่าค่างวดในแต่ละเดือน และอยากให้ตัดเงินต้นได้เยอะๆ สามารถทำได้โดย ชำระตามจำนวนที่ธนาคารเรียกเก็บไปก่อน 1 รอบ และส่วนต่างที่ต้องการชำระเพิ่มให้ชำระต่ออีกครั้ง ภายในวันเดียวกัน
เช่น ยอดผ่อนที่ต้องชำระในแต่ละเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท ให้ชำระเต็มจำนวนไปก่อน
หากต้องการชำระเพิ่มอีก 2,000 บาท หรือมากกว่า ก็ให้ชำระอีกครั้ง ในวันเดียวกัน
โดยเคล็ดลับนี้ ธนาคารจะเลือกคิดดอกเบี้ยเฉพาะรอบ 10,000 บาท ที่ชำระรอบแรก ส่วนรอบต่อไปที่ชำระ 2,000 บาทในวันเดียวกัน ธนาคารจะหักไปในส่วนเงินต้นโดยตรง ทำให้ยอดเงินต้นลดลงได้เร็วยิ่งขึ้น
4. หางวดโปะเงินก้อนใหญ่ปีละครั้ง หรือเมื่อมีโอกาส
สำหรับมนุษย์เงินเดือน ในทุกกลางปีหรือสิ้นปี อาจได้รับโบนัสเป็นเงินก้อนมา ซึ่งเงินก้อนนี้อาจแบ่งมาจำนวนหนึ่ง เพื่อโปะเข้าไปในงวดผ่อนชำระ จะช่วยให้เงินต้นลดลงได้เร็วขึ้นอีก
เช่น จากที่ปกติ เดือน 1-12 ผ่อนชำระงวดละ 12,000 บาท และอาจเพิ่มเงินก้อนเข้าไป 50,000 บาท ในงวดที่ 12 อีกรอบหนึ่ง ก็จะทำให้เงินต้นลดลงได้เยอะ ระยะเวลาในการผ่อนชำระก็จะหมดได้เร็วขึ้นด้วย
5. เลือกรีไฟแนนซ์ หรือรีเทนชั่น ทุก 3 ปี
เมื่อผ่อนสินเชื่อไปจนสิ้นสุดช่วงปีที่ 3 แล้ว อัตราดอกเบี้ยส่วนใหญ่จะสูงขึ้น ทำให้ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน ถูกหักออกไปกับดอกเบี้ยเยอะขึ้น และส่วนของเงินต้นก็ถูกหักไปน้อยลง หากต้องการให้อัตราดอกเบี้ยกลับมาลดลงอีกครั้ง คุณสามารถเลือกทำได้ 2 วิธี คือ
- รีไฟแนนซ์ (Refinance) เป็นการยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแห่งใหม่ ซึ่งจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง และยอดผ่อนลดลงด้วย
- รีเทนชั่น (Retention) เป็นการขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมที่ขอสินเชื่ออยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากเครดิตทางการเงินดี มีวินัยในการผ่อนชำระสม่ำเสมอ ก็จะมีโอกาสได้รับการลดดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด ข้อดีคือไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการขอสินเชื่อใหม่ทั้งหมด ที่ต้องใช้ทั้งเวลา และเสียค่าดำเนินการต่างๆ
สำหรับทั้ง 2 วิธีนี้ คุณสามารถขอได้ทุกๆ 3 ปี เมื่ออัตราดอกเบี้ยกลับมาสูงขึ้นอีก ช่วยให้การผ่อนชำระค่าบ้านหมดได้เร็วขึ้น เนื่องจากได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำอยู่เสมอ
6. ผ่อนชำระให้ตรงเวลา
การผิดนัดผ่อนชำระค่าบ้าน หรือผ่อนชำระไม่ตรงเวลา หากเกิดขึ้นบ่อยๆ นอกจากจะทำให้ต้องชำระค่าผ่อนบ้านสูงขึ้นแล้ว ระยะเวลาในการผ่อนบ้านก็จะยืดออกไปอีก ทำให้แผนที่วางไว้ว่าจะรีบผ่อนบ้านให้หมดสำเร็จได้ช้าลง
นอกจากนี้แล้ว การผิดนัดผ่อนชำระค่าบ้านยังทำให้เครดิตทางการเงินเสียไปด้วย หากในอนาคตมีการขอสินเชื่อเพิ่มเติม ขอรีไฟแนซ์ หรือขอรีเทนชั่น โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติก็จะน้อยลงไปด้วย
7. มุ่งหน้าผ่อนบ้านให้เร็ว หยุดเพิ่มภาระหนี้
จากหลายๆ เคล็ดลับที่ผ่านมา เราได้เห็นกันแล้วว่า หากต้องการให้การผ่อนชำระบ้านหมดไวขึ้น จำเป็นต้องเพิ่มยอดผ่อนชำระเข้าไป
ดังนั้น หากต้องการให้มีเงินก้อนเพื่อโปะในการผ่อนบ้านให้มากที่สุด ก็จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดการหาภาระหนี้เพิ่ม หรือหารายได้เสริมนอกจากงานประจำ
เพื่อให้สามารถรวบรวมเงินก้อนใหญ่ สำหรับผ่อนชำระค่าบ้านในแต่ละเดือนหรือบ่อยเท่าที่ไหว ก็จะช่วยให้ระยะเวลาในการผ่อนบ้านสั้นลงได้มากถึง 10 ปีเลยทีเดียว
การโปะบ้านดีอย่างไร ช่วยให้หนี้บ้านหมดไวขึ้นได้จริงหรือไม่
การโปะบ้าน หมายถึง การชำระเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่างวดปกติที่ตกลงไว้กับสถาบันการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดยอดเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาว การโปะบ้านเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดระยะเวลาการผ่อนชำระ เนื่องจากเงินที่โปะเพิ่มจะถูกนำไปหักจากเงินต้นโดยตรง ส่งผลให้ดอกเบี้ยในงวดถัดไปลดลงตามไปด้วย การโปะบ้านสามารถทำได้ 2 รูปแบบ ได้แก่
- โปะเพิ่มทุกเดือน เป็นการเพิ่มเงินในการผ่อนบ้านทุกงวดให้มากกว่าที่ระบุในสัญญา เช่น หากค่างวดปกติอยู่ที่ 15,000 บาท อาจเพิ่มเป็น 17,000 บาทต่อเดือน
- โปะเป็นก้อนรายปี เป็นการนำเงินก้อนใหญ่มาชำระหนี้เพิ่มเติมในช่วงต้นปีหรือปลายปี มักนิยมทำเมื่อได้รับโบนัสหรือเงินพิเศษ
ทั้งสองวิธีนี้จะช่วยลดเงินต้นและดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ทำให้ระยะเวลาในการผ่อนบ้านสั้นลง
ข้อดีของการโปะบ้าน
- ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น เนื่องจากเงินต้นลดลงเร็วกว่าการผ่อนปกติ ทำให้ระยะเวลาการผ่อนชำระสั้นลง
- ประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว เมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดก็จะลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ประหยัดดอกเบี้ยโดยรวมได้มาก
- เพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน เมื่อผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น คุณจะมีเงินเหลือไปลงทุนหรือใช้จ่ายในด้านอื่นๆ มากขึ้น
- สร้างความมั่นคงทางการเงิน การลดภาระหนี้สินระยะยาวช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ
- เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน การเป็นเจ้าของบ้านเต็มตัวเร็วขึ้นทำให้คุณมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่า สามารถนำไปต่อยอดทางการเงินได้ในอนาคต
- ลดความเครียดทางการเงิน การมีภาระหนี้น้อยลงช่วยลดความกังวลและความเครียดเกี่ยวกับการเงินในระยะยาว
ผ่อนบ้านดอกเบี้ยคุ้ม ผ่อนหมดไว เลือกสินเชื่อบ้านกับ ธอส.
หากต้องการขอสินเชื่อบ้านที่ได้รับดอกเบี้ยคุ้มค่า ที่ ธอส. มีโครงการสินเชื่อบ้านให้เลือกมากมาย ตอบโจทย์คนไทยทุกกลุ่มที่ต้องการมีบ้าน พร้อมวางแผนการผ่อนชำระให้หมดไวได้ตามต้องการ
หากคุณสนใจโครงการสินเชื่อบ้าน กับ ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้านที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.ghbank.co.th
ติดต่อ G H BANK Call Center : 02 645 9000
คำถามที่พบบ่อย
การโปะบ้านคืออะไร
การโปะบ้าน หมายถึงการนำเงินก้อนมาชำระหนี้บ้านเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่างวดปกติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดยอดหนี้คงเหลือและระยะเวลาในการผ่อนชำระให้สั้นลง ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายโดยรวมลดลงด้วย
ควรโปะบ้านกี่เปอร์เซ็นต์
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ควรโปะบ้านกี่เปอร์เซ็นต์จึงจะดีที่สุด? คำตอบคือ ไม่มีตัวเลขตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องของความสามารถในการชำระเงิน อัตราดอกเบี้ย หรือระยะเวลาผ่อน โดยทั่วไปแล้วการโปะบ้านประมาณ 10-20% ของยอดเงินต้นคงเหลือต่อปีถือว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่หากคุณมีความสามารถทางการเงินมากกว่านี้ การโปะบ้านในสัดส่วนที่สูงขึ้นก็จะยิ่งช่วยให้คุณผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น
ควรโปะค่าบ้านวันไหนถึงจะเหมาะสม
- วันที่ได้รับเงินเดือนหรือรายได้ประจำ หากคุณต้องการใช้วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วด้วยการโปะบ้านอย่างสม่ำเสมอ การโปะบ้านในวันที่ได้รับเงินเดือนหรือรายได้ประจำเป็นตัวเลือกที่ดี
- วันที่ครบกำหนดชำระค่างวด การโปะบ้านในวันที่ครบกำหนดชำระค่างวดเป็นอีกหนึ่งวิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วที่มีประสิทธิภาพ
- วันแรกของรอบบัญชี หากต้องการประหยัดดอกเบี้ยให้ได้มากที่สุด การโปะบ้านในวันแรกของรอบบัญชีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
- วันที่ได้รับโบนัสหรือรายได้พิเศษ การใช้โบนัสหรือรายได้พิเศษในการโปะบ้านเป็นวิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็วที่มีประสิทธิภาพ
- วันที่อัตราดอกเบี้ยลดลง หากธนาคารประกาศลดอัตราดอกเบี้ย นี่อาจเป็นโอกาสดีในการโปะบ้าน
ซื้อบ้านตอนอายุเท่าไหร่ถึงจะดีแหละเหมาะสม
ช่วงอายุที่เหมาะสมในการซื้อบ้าน
อายุ 25-30 ปี เริ่มต้นเร็ว มีเวลาผ่อนนาน
- มีเวลาผ่อนชำระนาน ทำให้ค่างวดต่อเดือนไม่สูงมาก
- สร้างความมั่นคงทางการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย
- มีโอกาสชำระหนี้บ้านหมดก่อนเกษียณ
อายุ 30-35 ปี สมดุลระหว่างความพร้อมและระยะเวลาผ่อน
- มักมีความมั่นคงทางอาชีพและรายได้มากขึ้น
- มีเงินออมสำหรับเงินดาวน์มากขึ้น
- ยังมีเวลาผ่อนชำระนานพอสมควร
อายุ 35-40 ปี ความพร้อมสูง แต่ต้องเร่งผ่อน
- มักมีความมั่นคงทางการเงินสูง
- มีเงินออมสำหรับเงินดาวน์มากขึ้น
- สามารถเลือกบ้านที่ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น
อายุ 40 ปีขึ้นไป ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
- มักมีความมั่นคงทางการเงินสูง
- มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการการเงิน
- สามารถเลือกบ้านที่ตรงกับความต้องการได้มากที่สุด
ผ่อนบ้านให้หมดเร็ว สามารถทำได้จริงไหม
“ผ่อนบ้านให้หมดเร็ว สามารถทำได้จริงไหม?” คำตอบคือ “ทำได้!” แต่ต้องอาศัยการวางแผนที่ดีและความมุ่งมั่น ซึ่งผู้อ่านสามารถนำ 7 วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ไปลองปรับใช้ดู เพื่อช่วยให้คนที่กำลังเริ่มผ่อนบ้าน หรือผ่อนบ้านมาระยะหนึ่งแล้วผ่อนบ้านหมดได้ไวขึ้น และใช้เวลาในการผ่อนลดลงได้มากถึง 10 ปี