แนวโน้มการลงทุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยปี 2024-2025

/
/
แนวโน้มการลงทุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยปี 2024-2025

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2024-2025 มาวิเคราะห์จากแนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ในปีนี้ เพื่อให้คุณสามารถปรับทิศทางให้ทันการเปลี่ยนแปลง

ก่อนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดก่อน จะทำให้คุณเห็นภาพรวมทั้งในด้านบวกและความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้น จึงช่วยให้คุณเห็นโอกาสในการลงทุนและสามารถหาช่องทางทำเงินที่เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนั้นได้

สำหรับผู้ที่กำลังมีแผนที่จะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2024-2025 นี้ มาวิเคราะห์จากแนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ในปีนี้ เพื่อให้คุณสามารถปรับทิศทางให้ทันการเปลี่ยนแปลง และวางแผนในการลงทุนอสังหาให้ได้กำไรอย่างตรงจุด

แนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2024-2025 ของประเทศไทย

แนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 ของประเทศไทย

หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 มาแล้ว ในปี 2023 ถือว่าเป็นช่วงที่สถานการณ์ได้คลี่คลายลง และอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจได้กลับมาฟื้นตัว 

นั่นจึงส่งผลให้แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทในปีนี้กลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความท้าทายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา ที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในวงการอสังหาฯ ต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันสถานการณ์อยู่เสมอ สำหรับแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยปี 2024-2025 นี้ แบ่งออกตามตลาดได้เป็น

  • ตลาดอาคารสำนักงาน โดยในปีนี้หลายองค์กรมีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ผู้เช่าได้ให้ความสำคัญกับการเลือกเช่าพื้นที่อาคารเกรดเอใหม่ ๆ เนื่องจากอาคารเหล่านี้จะผ่านการรับรองมาตรฐานของอาคารที่มีคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย สำหรับเจ้าของอาคารเก่าหรือเกรดรองลงมา ปีนี้จึงถือว่ามีความท้าทายในการประเมินและปรับปรุงอาคาร เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดอาคารใหม่ ๆ ได้
  • ตลาดอสังหาฯ แนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม โดยในปี 2022 มีมาตรการต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ทำให้ดึงกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้ไปล่วงหน้าแล้ว และในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่กว่า 58,000 หน่วย ทำให้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ แนวราบกลับเข้าสู่ความสมดุลเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด
  • ตลาดคอนโดมิเนียม (กรุงเทพฯ) โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาคอนโดจะเริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และต้นทุนการพัฒนาโครงการที่เพิ่มขึ้น และในปีนี้ คาดการณ์ว่าตลาดพรีเซลล์จะมีอัตราการขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการคอนโดที่มีทุกระดับราคา รวมถึงมีกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การกลับมาเปิดประเทศหลังช่วงโควิด-19 คลี่คลาย ยังส่งผลให้โอกาสลงทุนในอสังหาฯ ปีนี้ โตขึ้นได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศที่ให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ได้เดินทางมาท่องเที่ยว รวมถึงลงทุนในอสังหาฯ ไทยมากขึ้น และถึงแม้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้ต้นทุนมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ทำให้นักลงทุนสามารถปรับค่าเช่าให้สูงขึ้นได้ด้วย

ปัจจัยเชิงบวกในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ปี 2024-2025

สำหรับปัจจัยเชิงบวก เป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมในการลงทุนอสังหาฯ ในปีนี้ให้มีโอกาสเติบโตขึ้น โดยมีปัจจัยในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์โควิด-19

โดยหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ประเทศไทยได้มีนโยบายการเปิดเมืองเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้กลับมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยได้อีกครั้ง ซึ่งเมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ก็ส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ ที่เกี่ยวข้องกับที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถกลับมาเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยว โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ (Service Apartment) 

2. นโยบายที่ให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านในไทยได้

โดยนโยบายนี้มีเงื่อนไขว่าชาวต่างชาติที่จะซื้อบ้านในไทยได้ต้องลงทุนในประเทศไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายอสังหาฯ ราคาสูงให้กับต่างชาติที่มีศักยภาพในการซื้อสูงด้วย

3. มาตรการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง

ในปี 2024 ได้มีมาตรการลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนจำนอง สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองในอัตราพิเศษ โดยจากเดิมที่ค่าจดทะเบียนการโอนจาก 2% ลดเหลือ 1% และ ค่าจดทะเบียนจำนองจาก 1% ลดเหลือ 0.01% ช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

ความท้าทายในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ปี 2024-2025

นอกจากเรื่องปัจจัยบวกแล้ว ยังมีความท้าทายในการลงทุนอสังหาฯ เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนตั้งรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยมีปัจจัยในด้านต่าง ๆ ดังนี้  

1. ปัจจัยด้านต้นทุนที่สูงขึ้น

การเพิ่มขึ้นของต้นทุน ส่งผลทำให้ราคาของอสังหาฯ ในปีนี้เพิ่มสูงมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งจากต้นทุนของวัสดุก่อสร้าง การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ภาวะเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน การขนส่งต่างๆ จึงทำให้ในปี 2024 นี้ ราคาของโครงการอสังหาฯ ต่าง ๆ มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นอย่างน้อย 5% หรือมากกว่า

2. ภาวะเงินเฟ้อ

ซึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ทั้งจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัสเซีย-ยูเครน โรคระบาด ปัญหาน้ำท่วม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการทั่วโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกระทบถึงต้นทุนของการทำอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้น ราคาของอสังหาฯ จึงสูงขึ้น จนอาจส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่น้อยลง

3. ราคาประเมินที่ดินใหม่ และราคาตลาดที่ดินที่เพิ่มขึ้นทุกปี

โดยกรมธนารักษ์ได้ประกาศใช้บัญชีราคาประเมินที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้าง ตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 ทำให้ในปีนี้ ราคาประเมินที่ดินเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8.93% และราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น 6.21%

นอกจากการเพิ่มขึ้นราคาประเมินราชการแล้ว ราคาตลาดที่ดินเองก็มีการปรับราคาขึ้นอยู่ตลอดทุกปี โดยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 3-5% ของปีก่อนหน้า จึงทำให้นักลงทุนอสังหาฯ อาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

อัปเดตแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2024-2025

ตลาดอสังหาในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และนักลงทุน การทำความเข้าใจกับแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการลงทุนหรือเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งการอัปเดตแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2024-2025 มีดังนี้

ทำเลที่มีความต้องการเช่าสูง

ในปี 2024-2025 ทำเลที่มีศักยภาพสูงและได้รับความนิยมจากผู้เช่ายังคงเป็นพื้นที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า และย่านธุรกิจสำคัญ จากข้อมูลล่าสุดพบว่า เขตปทุมวันมีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นถึง 16% เนื่องจากเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้า ในขณะที่เขตวัฒนามีค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้น 13% ด้วยความเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์และแหล่งช้อปปิ้ง ส่วนเขตคลองสานมีการเติบโตของค่าเช่า 12% จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ และการเชื่อมต่อกับฝั่งพระนคร

นอกจากนี้ ยังมีทำเลอื่น ๆ ที่น่าจับตามอง เช่น พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าสายใหม่ อย่างสายสีชมพูและสายสีเหลือง รวมถึงย่านรอบนอกกรุงเทพฯ ที่กำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ อย่างบางนาและรังสิต ไม่เพียงเท่านั้น เมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ที่กำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ก็เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน

การปรับตัวของดัชนีค่าเช่า

แนวโน้มการเช่าที่อยู่อาศัยในตลาดอสังหายังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยภาพรวมของดัชนีค่าเช่าในกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นถึง 9% ในช่วงปี 2024 แม้ว่าจะยังไม่กลับมาสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนในตลาดอสังหา

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวของดัชนีค่าเช่ามีหลายอย่าง ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ทำให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติยังส่งผลให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการเติบโตของแรงงานรุ่นใหม่ กลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่เพิ่งเริ่มทำงานมีแนวโน้มเลือกเช่ามากกว่าซื้อ ประกอบกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขยายเส้นทางรถไฟฟ้าและถนนใหม่ ๆ ทำให้พื้นที่รอบนอกน่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของดัชนีค่าเช่าไม่ได้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอในทุกพื้นที่ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเฉพาะของแต่ละทำเลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ประเภทที่อยู่อาศัยยอดนิยม

ในปี 2024-2025 ตลาดอสังหาในประเทศไทยกำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงในความนิยมของประเภทที่อยู่อาศัย โดยคอนโดมิเนียมกำลังกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง หลังจากที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับความนิยมสูงเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19

โดยดัชนีค่าเช่าของคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยประเภทอื่น เพราะคอนโดมิเนียมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ด้วยความสะดวกสบายและความปลอดภัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และพื้นที่ส่วนกลาง ทำเลใกล้รถไฟฟ้าและแหล่งงานเป็นจุดขายสำคัญที่ดึงดูดผู้ซื้อและผู้เช่า

ในขณะเดียวกัน บ้านเดี่ยวยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่และผู้ที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น โครงการในทำเลรอบนอกที่มีการคมนาคมสะดวกได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยแนวคิดบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) เริ่มมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อ

ทาวน์โฮมและทาวน์เฮาส์ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ลงตัวระหว่างคอนโดและบ้านเดี่ยว เหมาะสำหรับครอบครัวเริ่มต้นและคนทำงานที่ต้องการพื้นที่มากกว่าคอนโด โครงการใหม่ ๆ เน้นดีไซน์ทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์มากขึ้น

แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคและการปรับตัวของตลาดอสังหาในประเทศไทย นักลงทุนและผู้ซื้อบ้านควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในระยะยาวและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี

อยากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2024-2025 ต้องปรับตัวอย่างไร?

สำหรับนักลงทุนอสังหาฯ ในปี 2024-2025 นี้ หากต้องการหาโอกาสในการลงทุนให้เติบโตได้ สามารถเลือกช่องทางได้ ดังนี้ 

  • เลือกลงทุนกับอสังหาฯ ราคาสูง หรือเกรดพรีเมียม โดยเจาะไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง กับอสังหาฯ ในราคาระหว่าง 25-30 ล้านบาท ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็มีโอกาสที่จะมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น
  • เลือกโครงการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในช่วงของการฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด-19  ทำให้คนที่มองหาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มองหาความตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่อาจต้องทำงานที่บ้านสลับกับเข้าออฟฟิศ มีส่วนกลางที่รองรับในการดูแลสุขภาพ และคุ้มค่าในการออกแบบทั้งดีไซน์และการใส่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดโครงการใหม่ๆ ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะทำให้มีโอกาสขายได้ง่ายขึ้น
  • เลือกโครงการทำเลสร้างโอกาส โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพในปัจจุบัน อสังหาฯ ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าเดิมอาจหาลงทุนได้ยากขึ้น หรือมีราคาที่สูงมาก การเลือกลงทุนกับอสังหาในทำเลที่น่าสนใจและสามารถเป็นโอกาสสร้างกำไรต่อในอนาคตอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เช่น เขตรอบนอกกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันการเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ มีความสะดวกยิ่งขึ้น / ตามแนวโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ โดยในอนาคตทำเลเหล่านี้จะมีราคาสูงขึ้น และความต้องการในการอยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น

ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ที่นักลงทุนต้องรู้

การเข้าใจปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดอสังหาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจในวงการอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2024-2025 มีเทรนด์สำคัญที่กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค นักลงทุนที่ชาญฉลาดควรทำความเข้าใจและนำปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาในการวางแผนกลยุทธ์การลงทุน

1. เทรนด์ Generation Rent

“Generation Rent” กำลังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดอสังหาในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่มีแนวโน้มเลือกเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าการซื้อ ปัจจัยที่ทำให้เกิดเทรนด์นี้มีหลายอย่าง เช่น ความยืดหยุ่นในการย้ายที่อยู่ตามอาชีพ การไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินระยะยาวจากการกู้ซื้อบ้าน ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้การเก็บเงินดาวน์เป็นเรื่องยาก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ทำให้ไม่อยากผูกมัดกับสินทรัพย์ระยะยาว

สำหรับนักลงทุน เทรนด์นี้เปิดโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า โดยเฉพาะในทำเลที่มีความต้องการสูง การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เช่น Co-living Space หรือ Serviced Apartment รวมถึงการเน้นการให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จะช่วยดึงดูดผู้เช่าระยะยาวได้

2. เทรนด์ Universal Design

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ส่งผลให้แนวคิด Universal Design หรือการออกแบบเพื่อทุกคน กลายเป็นเทรนด์สำคัญในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยความสำคัญของ Universal Design คือการออกแบบที่เอื้อต่อการใช้งานของทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ ซึ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อช่วยในการดูแลสะดวกยิ่งขึ้น

สำหรับนักลงทุนสามารถใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่รองรับผู้สูงอายุ (Senior Living) หรือปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์เดิมให้มีฟีเจอร์ที่เป็น Universal Design มากขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยก็เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ

3. เทรนด์ Pet Humanization

การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนโสดและคู่แต่งงานที่ยังไม่มีบุตร ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet-friendly) เพิ่มสูงขึ้น ลักษณะของที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์เทรนด์นี้ ได้แก่ การอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้โดยไม่มีข้อจำกัดมากเกินไป มีพื้นที่สีเขียวหรือสวนสำหรับพาสัตว์เลี้ยงออกกำลังกาย มีบริการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เช่น Pet Grooming หรือ Pet Hotel และการใช้วัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและง่ายต่อการทำความสะอาด

โอกาสสำหรับนักลงทุนในเทรนด์นี้คือการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เน้นความเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง การปรับปรุงอสังหาริมทรัพย์เดิมให้รองรับการเลี้ยงสัตว์ได้ดีขึ้น หรือการลงทุนในธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในโครงการอสังหาริมทรัพย์

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ในยุคนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่จะกำหนดอนาคตของวงการในอีก 5 ปีข้างหน้า และไกลไปถึงปี 2030 ผู้ประกอบการที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและมองการณ์ไกล เพื่อรับมือกับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น 

หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยการนำ AI และ Big Data มาใช้วิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคจะช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี VR และ AR จะเข้ามามีบทบาทในการนำเสนอโครงการแก่ลูกค้า ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย

อีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าจับตามองคือการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้โครงการที่ออกแบบโดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงานและใช้วัสดุรีไซเคิลจะได้รับความนิยมสูงขึ้น

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดอสังหาฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า สังคมผู้สูงอายุที่กำลังมาถึงจะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยเพิ่มสูงขึ้น โครงการที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุจะมีโอกาสเติบโตอย่างมาก ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่แตกต่างออกไป เช่น คอนโดมิเนียมขนาดเล็กใจกลางเมืองที่เน้นความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน

ท้ายที่สุด ตลาดอสังหาฯ จะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง สร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ รวมถึงใส่ใจกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค การวางแผนระยะยาวและการมองการณ์ไกลจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ 

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์กับสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส.

แนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2024-2025 นี้ แม้ว่าจะมีความท้าทายหลายอย่างที่นักลงทุนต้องตามระวัง แต่ก็ยังมีปัจจัยเชิงบวกหลายอย่างที่สามารถพาคุณให้เติบโตในการลงทุนในปีนี้ได้ โดย ธอส. มีโครงการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ผู้ที่สนใจลงทุนในที่อยู่อาศัยได้หลากหลายรูปแบบ

หากคุณสนใจสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่ 

เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้านที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.ghbank.co.th   

ติดต่อ G H BANK Call Center : 02 645 9000

แหล่งข้อมูลอ้างอิงเนื้อหาจาก:

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บริการของเรา

สนใจผลิตภัณฑ์ธนาคาร

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน