การกู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไร มีเรื่องอะไรต้องรู้บ้างก่อนตัดสินใจ

/
/
การกู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไร มีเรื่องอะไรต้องรู้บ้างก่อนตัดสินใจ

การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นตัวช่วยที่จะทำให้การอนุมัติสินเชื่อบ้านนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่า "การกู้ร่วมซื้อบ้าน" มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นตัวช่วยที่จะทำให้การอนุมัติสินเชื่อบ้านนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่า “การกู้ร่วมซื้อบ้าน” มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

บ้าน ถือเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันจะครอบครองเป็นของตัวเองสักหลัง แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง และมีรายได้ต่อเดือนไม่มากพอ ทำให้ในขั้นตอนการยื่นกู้ไม่ได้รับอนุมัติ… เพราะฉะนั้น การกู้ร่วมซื้อบ้านจึงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้การอนุมัติสินเชื่อบ้านนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้น

แต่ว่าการกู้รูปแบบนี้ก็ไม่ได้มีเพียงข้อดีเสมอไป มาดูกันว่า “การกู้ร่วมซื้อบ้าน” มีข้อดีและข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

การกู้ร่วมซื้อบ้านคืออะไร

การ กู้ร่วมซื้อบ้าน คือการร่วมเซ็นสัญญายื่นกู้ทรัพย์สินชิ้นเดียวกัน เพื่อแสดงให้สถาบันการเงินเห็นว่าผู้ร่วมรับภาระหนี้มีความสามารถทางการเงินเพียงพอที่จะผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนได้ตามสัญญา เพื่อให้สถาบันทางการเงินอนุมัติการขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

แต่การกู้ร่วมซื้อบ้านนั้นถือเป็นการค้ำประกันรูปแบบหนึ่ง เพราะผู้กู้ร่วมจะต้องมีคุณสมบัติที่ดีเหมือนผู้กู้หลัก คือมีหลักฐานรายได้ชัดเจน และมีการชำระหนี้ที่ดี รายได้ที่เหลือเพียงพอที่จะร่วมรับภาระหนี้ได้

การเลือกผู้กู้ร่วมก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกกับบุคคลที่สามารถรับภาระหนี้ร่วมกัน ดังนั้นจึงควรกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกันก่อน เช่น พี่ น้อง พ่อ แม่ ลูก ส่วนบุคคลอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาควรต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ซึ่งหากไม่ได้ร่วมรับภาระการผ่อนจริง อาจจะมีปัญหาในการโอนกรรมสิทธิ์คืนให้เราในภายหลัง

สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านกับใครได้บ้าง

โดยทั่วไปแล้ว การกู้ร่วมซื้อบ้านสามารถทำได้กับบุคคลต่อไปนี้

  • คู่สมรส (สามี-ภรรยา) เป็นรูปแบบการกู้ร่วมที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากคู่สมรสมักมีความสัมพันธ์ทางการเงินและกฎหมายที่ชัดเจน
  • พ่อแม่-ลูก เหมาะสำหรับกรณีที่พ่อแม่ต้องการช่วยลูกซื้อบ้านหลังแรก หรือลูกต้องการช่วยพ่อแม่ซื้อบ้านเพื่อการเกษียณ
  • พี่น้อง อาจเป็นทางเลือกสำหรับพี่น้องที่ต้องการอยู่ร่วมกันหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน
  • ญาติสนิท เช่น ลุง ป้า น้า อา หรือญาติที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งอาจช่วยเหลือกันในการซื้อบ้าน
  • เพื่อนสนิท หรือการกู้ร่วมกับแฟน รวมถึงคู่รัก LGBTQ+ ซึ่งในปัจจุบันหลายธนาคารเปิดโอกาสให้สามารถกู้ร่วมได้ (จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป)

ส่วนใหญ่แล้ว ธนาคารจะพิจารณาอนุมัติการกู้ร่วมให้กับบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ โดยมักจะต้องแสดงหลักฐานความสัมพันธ์ เช่น ทะเบียนบ้าน สูติบัตร หรือเอกสารอื่น ๆ ที่แสดงความเกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร บางธนาคารอาจมีข้อจำกัดในการกู้ร่วมระหว่างเพื่อนหรือบุคคลที่ไม่ใช่ญาติ ดังนั้นควรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่โดยตรงก่อนตัดสินใจ

การกู้ร่วมสำหรับ LGBTQ+

ในปัจจุบัน หลายธนาคารในประเทศไทยเปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมทางการเงินและที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่แตกต่างจากคู่สมรสตามกฎหมาย เช่น

  • ต้องมีเอกสารรับรองการอยู่อาศัยร่วมกัน อาจต้องแสดงหลักฐานการอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลานาน เช่น ทะเบียนบ้านที่อยู่ร่วมกัน สัญญาเช่าที่พักร่วมกัน หรือเอกสารอื่น ๆ ที่แสดงการใช้ชีวิตร่วมกัน
  • อาจมีข้อจำกัดในวงเงินกู้ บางธนาคารอาจจำกัดวงเงินกู้สูงสุดที่ 90-95% ของราคาบ้าน ซึ่งอาจน้อยกว่าเงื่อนไขสำหรับคู่สมรสตามกฎหมาย
  • ต้องแสดงหลักฐานความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว อาจต้องมีพยานหรือเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ระยะยาว
  • อาจต้องทำประกันชีวิตคู่ เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต
  • อาจมีการพิจารณาเครดิตและรายได้อย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ

ทั้งนี้ เงื่อนไขอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร และอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นคู่รัก LGBTQ+ ที่สนใจกู้ร่วมซื้อบ้านควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากธนาคารที่ต้องการยื่นกู้โดยตรง และอาจต้องเตรียมเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมมากกว่าคู่สมรสทั่วไป

ข้อดีของการกู้ร่วมซื้อบ้าน

ปัญหาหลัก ๆ ของการกู้ซื้อบ้านนั้น ส่วนมากจะเกิดจากการที่กู้ไม่ผ่านเพราะมีฐานรายได้ไม่เพียงพอที่จะรับผิดชอบหนี้สิน รวมถึงมีหลักฐานทางการเงินไม่เพียงพอ ขาดความน่าเชื่อถือ หรือมีประวัติการชำระหนี้ที่อาจไม่ดี

ด้วยเหตุนี้ ข้อดีที่ทำให้หลายๆ คนหันมาสนใจการกู้ร่วมซื้อบ้านก็คือ

  • มีโอกาสในการ อนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
  • อาจได้ วงเงินเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

เนื่องจากสถาบันทางการเงินถือว่าการมีผู้มากู้ร่วมซื้อบ้านด้วยจะเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระมีมากขึ้น รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผู้ยื่นขอสินเชื่อ ส่งผลให้มีโอกาสที่จะยินยอมอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

เรื่องที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน

ถึงแม้ว่าการกู้ร่วมกับบุคคลอื่นจะเป็นตัวเลือกที่ดีในการยื่นขอสินเชื่อ แต่การกู้ร่วมอาจไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะเมื่อไหร่ที่ตัดสินใจแล้วว่าจะกู้ร่วม ควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจมีผลตามมาได้ในอนาคต โดยเรื่องที่ควรรู้ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน ได้แก่

การใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์

การกู้ร่วมซื้อบ้านมีทางเลือกในการใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ 2 แบบ ได้แก่

  • ใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียว วิธีนี้อาจเหมาะสำหรับกรณีที่ผู้กู้ร่วมฝ่ายหนึ่งต้องการเป็นเจ้าของบ้านแต่เพียงผู้เดียว โดยอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ช่วยผ่อนชำระ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจมีความเสี่ยงสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีชื่อในกรรมสิทธิ์ เนื่องจากไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายในทรัพย์สินนั้น
  • ใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ วิธีนี้เป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากมีความเป็นธรรมกับผู้กู้ร่วมทุกคน โดยสามารถระบุสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ตามที่ตกลงกัน เช่น 50-50 หรือ 60-40 เป็นต้น

การตัดสินใจเรื่องการใส่ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์มีผลต่อสิทธิและความรับผิดชอบในทรัพย์สิน รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนั้นควรพิจารณาอย่างรอบคอบและตกลงกันให้ชัดเจนก่อนทำสัญญากู้ร่วม

การกู้ร่วมไม่ได้หมายความว่าต้องชำระหนี้เท่ากัน!

หลายคนเข้าใจผิดว่าการกู้ร่วมหมายถึงการแบ่งภาระหนี้เท่า ๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้กู้ร่วมทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกันต่อหนี้ทั้งหมด นั่นหมายความว่า

  • ผู้กู้ร่วมสามารถตกลงกันเองว่าจะแบ่งสัดส่วนการผ่อนชำระอย่างไร เช่น 60-40 หรือ 70-30 ตามความสามารถทางการเงินของแต่ละคน
  • หากเกิดกรณีผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารสามารถเรียกร้องให้ผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งชำระหนี้ทั้งหมดได้ โดยไม่คำนึงถึงสัดส่วนการผ่อนชำระที่ตกลงกันไว้
  • ผู้กู้ร่วมทุกคนมีความเสี่ยงทางการเงินเท่าเทียมกัน แม้ว่าจะผ่อนชำระในสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม ควรพิจารณาความสามารถทางการเงินของทั้งตนเองและผู้กู้ร่วมอย่างรอบคอบ และวางแผนการชำระหนี้ร่วมกันอย่างชัดเจน

หากผู้กู้ร่วมถึงแก่กรรม

ในกรณีที่ผู้กู้ร่วมคนหนึ่งเสียชีวิต จะเกิดผลกระทบต่อสัญญากู้ร่วมดังนี้

  • ผู้กู้ร่วมที่เหลือต้องรีบแจ้งธนาคารทันทีเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงสัญญา
  • ภาระหนี้ที่เหลือจะตกเป็นของผู้กู้ร่วมที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอาจมีทางเลือกในการรับภาระหนี้ต่อทั้งหมดด้วยตนเอง ขอปรับโครงสร้างหนี้หรือรีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระการผ่อนชำระ หรือให้ทายาทของผู้เสียชีวิตเข้ามารับช่วงการกู้ร่วมแทน (ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคาร)
  • หากผู้กู้ร่วมที่เสียชีวิตมีชื่อในกรรมสิทธิ์บ้าน จะต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายมรดก

เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ผู้กู้ร่วมควรพิจารณาทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินกู้ เพื่อให้ประกันเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้ที่เหลือในกรณีที่ผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต

การกู้ร่วมกับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี

การกู้ร่วมซื้อบ้านมีผลต่อสิทธิ์การลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน โดยทั่วไปแล้วมีเงื่อนไข ดังนี้

  • ผู้กู้เดี่ยวสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี
  • ผู้กู้ร่วม 2 คน จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนคนละ 50,000 บาท
  • ผู้กู้ร่วม 3 คน จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนคนละ 33,333.33 บาท

อย่างไรก็ตาม การลดหย่อนภาษีจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนการถือครองกรรมสิทธิ์ในบ้านด้วย เช่น หากผู้กู้ร่วม 2 คนถือครองกรรมสิทธิ์ในสัดส่วน 60-40 สิทธิ์ลดหย่อนภาษีก็จะเป็นไปตามสัดส่วนนี้ด้วย นอกจากนี้ ควรทราบว่าการลดหย่อนภาษีนี้ใช้ได้เฉพาะกรณีซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น หากเป็นบ้านหลังที่สองขึ้นไปจะไม่สามารถใช้สิทธิ์นี้ได้

ข้อควรระวังในการกู้ร่วม

แม้ว่าการกู้ร่วมซื้อบ้านจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ผู้กู้ร่วมต้องควรระวัง ได้แก่

  • ความรับผิดชอบร่วมกันต่อหนี้ หากผู้กู้ร่วมคนใดคนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้กู้คนอื่นต้องรับผิดชอบแทน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินอย่างรุนแรง
  • ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ปัญหาทางการเงินอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้ร่วม โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นคู่สมรสหรือคู่รัก
  • ข้อจำกัดในการกู้ครั้งต่อไป การมีภาระหนี้จากการกู้ร่วมอาจส่งผลต่อความสามารถในการกู้เงินครั้งต่อไปของแต่ละบุคคล เนื่องจากสถาบันการเงินจะพิจารณาภาระหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่
  • ความยุ่งยากในการยกเลิกสัญญา หากต้องการยกเลิกการกู้ร่วมในภายหลัง อาจมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การรีไฟแนนซ์หรือการขายบ้าน
  • ความเสี่ยงในกรณีหย่าร้างหรือแยกทาง สำหรับคู่สมรสหรือคู่รัก หากเกิดการหย่าร้างหรือแยกทาง อาจเกิดปัญหาในการแบ่งทรัพย์สินและภาระหนี้
  • ผลกระทบต่อเครดิตบูโร หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของฝ่ายใด ก็จะส่งผลกระทบต่อเครดิตบูโรของผู้กู้ร่วมทุกคน

ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและวางแผนการเงินร่วมกันอย่างชัดเจน รวมถึงเตรียมแผนสำรองในกรณีที่เกิดปัญหาทางการเงินหรือความสัมพันธ์ในอนาคต

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการกู้ร่วม

สำหรับการกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นการยื่นขอสินเชื่อ หรือกู้เงินร่วมกับบุคคลอื่น เพื่อทำให้สถาบันการเงินหรือธนาคารเกิดความมั่นใจและอนุมัติการยื่นขอสินเชื่อในครั้งนี้ ดังนั้น เรื่องของการเตรียมเอกสารที่ต้องใช้สำหรับการกู้ร่วมจึงเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น

เอกสารหลักประกัน

  • สัญญาจะซื้อจะขายบ้าน
  • สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (กรณีซื้อคอนโด)
  • แบบแปลนบ้าน (กรณีบ้านสร้างใหม่)

เอกสารเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงทรัพย์สินที่จะใช้เป็นหลักประกันในการกู้ ธนาคารจะใช้เอกสารเหล่านี้ในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินและกำหนดวงเงินกู้

เอกสารส่วนตัว

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ร่วมทุกคน
  • สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ร่วมทุกคน
  • สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า หรือใบมรณบัตร (ถ้ามี)
  • เอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
  • เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผู้กู้ร่วม (กรณีไม่ใช่คู่สมรส)

เอกสารส่วนตัวเหล่านี้ใช้ยืนยันตัวตนของผู้กู้ร่วมและแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ

เอกสารการเงิน

  • หนังสือรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือนของผู้กู้ร่วมทุกคน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6-12 เดือน
  • เอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น สัญญาเช่า หลักฐานการลงทุน
  • เอกสารแสดงภาระหนี้สินอื่น ๆ (ถ้ามี)
  • แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ 91)

เอกสารการเงินเหล่านี้ใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ร่วม ธนาคารจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการคำนวณอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) และกำหนดวงเงินกู้ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ธนาคารอาจขอเอกสารเพิ่มเติมตามแต่กรณี เช่น

  • หนังสือยินยอมให้ตรวจสอบข้อมูลเครดิต
  • สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (กรณีประกอบอาชีพอิสระ)
  • งบการเงินย้อนหลัง 2-3 ปี (กรณีเจ้าของกิจการ)

ผู้กู้ร่วมควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อและลดระยะเวลาในการพิจารณา

สรุปเรื่องการกู้ร่วมซื้อบ้าน

แม้ว่าการกู้ร่วมซื้อบ้านจะเป็นข้อเสนอที่ดีสำหรับผู้มีกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคำนึงถึงข้อควรระวังหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นภาระเงินผ่อนที่ต้องแบกรับ เรื่องของผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ และอย่าลืมศึกษาพฤติกรรมของผู้กู้ร่วมให้ดีๆ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง

หากคุณกำลังตัดสินใจที่จะซื้อบ้าน และมองหาธนาคารที่มีสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ ธอส. พร้อมให้คำปรึกษา เราเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ มีแนวทางการกู้ที่เหมาะสมสำหรับคนทุกกลุ่มเพื่อการมีบ้านในฝันของคุณ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

เจาะลึก 9 สาเหตุที่ทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน พร้อมวิธีแก้และเทคนิคการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนยื่นกู้ เพื่อให้คุณมีบ้านในฝันได้ง่ายขึ้น
รวมข้อมูลสินเชื่อต่อเติมบ้าน ธอส. 2567 ดอกเบี้ยเริ่ม 2.60% ผ่อนนาน 40 ปี พร้อมเงื่อนไขและคุณสมบัติผู้กู้ที่คุณต้องรู้
การออมเงินที่เหมาะสมสำหรับวัยเกษียณ เปรียบเทียบข้อดีระหว่างหวยเกษียณ เงินฝากประจำ และสลากออมทรัพย์ พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน