การออมเงิน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับชีวิตของทุกคน เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเงินออมนี้เองจะเป็นผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้คุณสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ในยามเกษียณ หรือเมื่อเจอเหตุที่ไม่คาดฝันในชีวิตที่จำเป็นต้องใช้เงินด่วน
ในการเริ่มต้นออมเงินหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าหากมีการฝึกฝนจนสร้างวินัยทางการเงินให้กับตนเองได้ ก็จะช่วยให้สามารถออมเงินไปพร้อมกับการบริหารเงินในแต่ละเดือนได้ดี
สำหรับคนยุคใหม่ที่กำลังมองหาวิธีการออมเงินที่ได้ผลดี ธอส. ขอแนะนำ 10 สูตรออมเงิน ที่เหมาะกับคนยุคใหม่ สามารถเริ่มทำได้เลย เพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตในวันข้างหน้า
- 10 สูตรการออมเงินสำหรับคนยุคใหม่ บริหารการเงินให้ชีวิตมั่นคง
- 1. ออมทันที เมื่อมีรายรับเข้ามา
- 2. ออมเงินในบัญชีที่แยกกับบัญชีใช้จ่าย
- 3. ออมเงินตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
- 4. ออมแบงค์ 50 บาท วิธีคลาสสิค แต่ผลลัพธ์เกินคาด
- 5. ออมเงินด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์
- 6. ออมเงินกับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
- 7. ออมเงินจากการสร้างวินัยที่ดี
- 8. ออมเงินจากสูตร 50-20-30
- 9. ออมเงินด้วยการซื้อกองทุนรวม
- 10. ออมเงินด้วยการลงทุน ETF
- ธอส. สนับสนุนให้คนยุคใหม่บริหารการเงิน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
10 สูตรการออมเงินสำหรับคนยุคใหม่ บริหารการเงินให้ชีวิตมั่นคง
อยากบริหารการเงินให้ชีวิตมีความมั่นคง มาดูกันว่า 10 สูตรการออมเงินที่คนยุคใหม่สามารถทำได้มีอะไรบ้าง และคุณสามารถนำแต่ละสูตรไปปรับใช้ให้เหมาะกับสภาพคล่องทางการเงินได้เลย
1. ออมทันที เมื่อมีรายรับเข้ามา
การออมเงินสูตรแรก เป็นการหักออมทันทีเมื่อมีรายได้เข้ามา โดยวันที่มียอดเงินโอนเข้ามาในบัญชี ให้คุณหักเก็บทันทีตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อจะได้เฉลี่ยเงินที่เหลือได้ว่า ในแต่ละวันจะเหลือใช้เงินเท่าไหร่
สำหรับสูตรการออมเงิน คุณสามารถใช้วิธีเทคนิคแบบเดียวกับการซื้อหุ้นที่เรียกว่า DCA
(Dollar Cost Averaging) ที่เป็นการซื้อสินทรัพย์สม่ำเสมอทุกเดือนในจำนวนที่เท่ากัน ซึ่งถ้าปรับมาใช้กับการออมเงิน ก็จะเป็นการหักเก็บในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือนไปเรื่อยๆ ถือเป็นการสร้างวินัยการออมที่ดี เพื่อให้คุณมีเงินออมในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ
2. ออมเงินในบัญชีที่แยกกับบัญชีใช้จ่าย
การใช้วิธีออมเงินแยกกับบัญชีที่ใช้จ่าย จะช่วยให้เงินออมปลอดภัยจากการถูกนำมาใช้จ่ายมากขึ้น และยังทำให้คุณสะดวกในการจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยให้คุณเลือกเปิดบัญชีออมเงินที่เป็นรูปแบบฝากประจำ ก็จะทำให้เงินออมที่อยู่ในบัญชีนั้นงอกเงยได้จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วย
ข้อสำคัญสำหรับการมีบัญชีเงินออม คือ ไม่ควรถอนเงินออกมาใช้บ่อย หากไม่มีเหตุฉุกเฉินหรือความจำเป็นจริงๆ เพราะจะทำให้ขาดวินัยการออมไปได้ง่ายๆ และหากเลือกเปิดบัญชีเงินออม ก็มองหาบัญชีที่มีข้อจำกัดการถอนรายเดือน หรือบัญชีแบบไม่มีบัตร ก็จะช่วยให้การหยิบเงินออมออกมาใช้จ่ายยากขึ้น
3. ออมเงินตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
สำหรับเงินออมตามเป้าหมาย จะเป็นก้อนเงินออมที่แยกออกมาจากก้อนหลัก แต่ก้อนนี้จะเป็นก้อนที่ไม่ใหญ่มาก และมีจุดประสงค์ของการใช้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ชัดเจน เช่น ออมเงินสำหรับไปเที่ยวต่างประเทศ ออมเงินสำหรับดาวน์รถ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินก้อน
หากตั้งเป้าหมายได้แล้ว คุณจะรู้ว่าต้องหักเก็บเดือนละเท่าไหร่ดี เพราะเงินก้อนนี้จะเป็นเหมือนการสร้างแรงฮึดที่ทำให้คุณต้องรีบเก็บให้ได้ บางคนอาจมีการหารายได้เสริมในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อสามารถเก็บเงินก้อนนี้ได้ทันเวลาที่ตั้งไว้ และไม่กระทบกับเงินออมก้อนหลักที่มีการเก็บเป็นประจำอยู่แล้ว
4. ออมแบงค์ 50 บาท วิธีคลาสสิค แต่ผลลัพธ์เกินคาด
หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินการเลือกเก็บเงินจากธนบัตรที่ได้รับมา ซึ่งแบงค์ 50 บาท ถือว่าเป็นธนบัตรที่ได้รับความนิยมในการเก็บออมมาก เนื่องจากโอกาสที่เราจะเจอกับแบงค์ 50 บาท เข้ามาในกระเป๋าเงินอาจไม่บ่อยเหมือนกับธนบัตรชนิดอื่น
สำหรับวิธีการออมแบงค์ คือ การเก็บทันทีเมื่อได้รับแบงค์ 50 บาทมา ที่บ่อยครั้งอาจจะได้รับมาในรูปแบบของเงินทอน โดยให้นำมาเก็บไว้ในกล่องหรือกระเป๋าที่แยกจากกระเป๋าเงินที่ใช้อยู่เป็นประจำ
ถ้าคำนวณคร่าวๆ หากได้รับแบงค์ 50 บาท ทุกวันและมีการเก็บเพียงวันละ 1 ใบ จะได้เงินออมเมื่อคบ 1 ปี อยู่ที่ประมาณ 50 x 365 = 18,250 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินก้อนที่คุ้มเลยทีเดียว
5. ออมเงินด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์
หากว่าคุณสนใจในการออมเงินระยะสั้น ที่ได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย และในระหว่างนั้นก็ยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่เหมือนกับซื้อหวยทุกเดือน การซื้อสลากออมทรัพย์ จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก
ที่สำคัญเมื่อออมไว้จนครบตามอายุสลากแล้ว เงินต้นที่ฝากไว้ก็จะได้รับกลับคืนมาเต็มจำนวน พร้อมกับผลตอบแทนตามที่สลากออมทรัพย์กำหนดด้วย และที่สำคัญหากว่าคุณถูกรางวัลที่ 1 ก็จะได้รับเงินเพิ่มมาอีก สูงสุดเป็นหลักล้านบาทเลยทีเดียว
สนใจออมเงินด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์กับ ธอส. สามารถเข้าดูมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์สลากออมทรัพย์ที่เปิดขายอยู่ ได้ที่ > https://www.ghbank.co.th/lotto/
6. ออมเงินกับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
การออมเงินกับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้ทำให้ผู้ออมเงินได้รับทั้งความคุ้มค่าและการคุ้มครองในระยะยาว เมื่อถึงช่วงเวลาที่กำหนด ก็สามารถถอนเงินก้อนใหญ่ออกมาใช้ได้ในช่วงเกษียณ
สำหรับการออมเงินด้วยวิธีนี้ จะเป็นรูปแบบของการทำประกันชีวิตที่จะมีกำหนดให้คุณชำระเบี้ยเป็นงวดๆ เป็นระยะเวลาติดต่อกันตามข้อกำหนด ซึ่งเงินจากการชำระเบี้ยนี้เองจะเป็นเงินออมที่ไปสะสมจะเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ในอนาคต และนอกจากเรื่องของการออมแล้ว เจ้าของกรมธรรม์ยังได้สิทธิ์ในการคุ้มครองชีวิตอีกด้วย
7. ออมเงินจากการสร้างวินัยที่ดี
สูตรนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่วางแผนได้ง่าย แต่ทำได้ยากสำหรับหลายคน ด้วยการปรับวินัยของการใช้เงินในแต่ละเดือนใหม่ จากตอนแรกที่มีการหักเก็บ 10% ของเงินเดือนอย่างเดียว ก็สร้างวินัยทางการเงินใหม่ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนลดลง เช่น ช้อปปิงน้อยลง ลดมื้ออาหาราคาแพง ยกเลิกค่าสมาชิกรายเดือนที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย
ซึ่งถ้าหากว่ายิ่งลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ช่วงสิ้นเดือนคุณจะเหลือยอดเงินในบัญชีมากขึ้น และสามารถนำไปออมทบเข้าไปอีก จะช่วยให้การออมเงินของคุณสามารถไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
8. ออมเงินจากสูตร 50-20-30
สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะจัดสรรเงินออมของตัวเองอย่างไร จะมีสูตรการออมเงินแบบ 50-20-30 Budget Rule ที่คิดค้นขึ้นมาโดย Elizabeth Warren จากหนังสือ All Your Worth: The Ulitimate Liftime Money Plan
สูตรนี้จะใช้วิธีการแบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อน ที่ช่วยให้เงินออมและเงินที่นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่กระทบกัน โดยแบ่งออกเป็น
- 50% เป็นเงินสำหรับการใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือน ทั้งค่าผ่อนบ้าน/ผ่อนรถ ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าอาหารต่างๆ
- 20% เป็นเงินออมสำรองฉุกเฉิน ในกรณีที่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย 6-12 เดือน หากขาดรายได้กระทันหัน
- 30% เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าช้อปปิง ท่องเที่ยว บุฟเฟต์ ซื้อของสะสม หรืออื่นๆ
9. ออมเงินด้วยการซื้อกองทุนรวม
ในยุคนี้ที่มีความเร่งรีบและยุ่งยาก ทำให้หลายๆ คนที่อยากลงทุนเพื่อต่อยอดเงินออมให้มีมากขึ้น แต่ไม่มีเวลามาตามกระแสของหุ้น
การซื้อกองทุนรวม (Mutual Fund) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ต้องติดตามกระแสอยู่ตลอด เพราะจะมีผู้จัดการกองทุนเป็นคนบริหารจัดการให้ทั้งหมด ด้วยการนำเงินไปลงทุนกับกองทุนต่างๆ ที่มีนโยบายการลงทุนแตกต่างกันออกไป เช่น หุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ
สำหรับผลตอบแทนของการซื้อกองทุนรวมจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่แตกต่างกันตามประเภทของกองทุน หากต้องการลงทุนในกองทุนรวมควรศึกษาข้อมูล และทดสอบความเสี่ยงที่รับได้ก่อนตัดสินใจ
10. ออมเงินด้วยการลงทุน ETF
อีกหนึ่งทางเลือกของการออม ด้วยการลงทุนใน ETF (Exchange Traded Fund) ที่เป็นการรวมจุดเด่นของหุ้นและกองทุนดัชนีเอาไว้ด้วยกัน ผลตอบแทนของ ETF จะมาจากให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงของดัชนีหรือราคาสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง เช่น ดัชนีหุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ หุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม และอื่นๆ ซึ่งจะมีความคล้ายกับการลงทุนในกองทุนรวมเลย
แต่สำหรับการลงทุนใน ETF จะมีจุดเด่นที่มีมืออาชีพเป็นผู้ดูแลและบริหารการลงทุนให้ พร้อมทั้งยังสามารถปรับพอร์ตและซื้อขายได้เรียลไทม์เหมือนกับการซื้อหุ้น
ธอส. สนับสนุนให้คนยุคใหม่บริหารการเงิน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ธอส. เป็นธนาคารที่สนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน ซึ่งในการออมเงินซื้อที่อยู่อาศัยถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก หากต้องเก็บออมให้ครบตามราคาก็อาจต้องใช้เวลายาวนานหลัก 10 ปี ซึ่งวิธีการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับธนาคารช่วยให้คุณลดระยะเวลาในการออมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และมีโอกาสได้ออมเงินเพื่อเป้าหมายอื่นในชีวิต
หากคุณสนใจผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝาก ของ ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการออมเงินที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ www.ghbank.co.th
ติดต่อ G H BANK Call Center : 02 645 9000