ไขข้อสงสัย ซื้อคอนโดต้องมีเงินเท่าไหร่ [แจกแจงครบใน 5 นาที]

/
/
ไขข้อสงสัย ซื้อคอนโดต้องมีเงินเท่าไหร่ [แจกแจงครบใน 5 นาที]

สำหรับใครที่กำลังเตรียมเงินก้อนเพื่อซื้อคอนโด เรามาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียม เพื่อให้คุณได้วางแผนทางการเงินเอาไว้ล่วงหน้า

สำหรับใครที่กำลังเตรียมเงินก้อนเพื่อซื้อคอนโด เรามาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียม เพื่อให้คุณได้วางแผนทางการเงินเอาไว้ล่วงหน้า

ซื้อคอนโดต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะครอบครอบได้? เป็นคำถามที่คนอยากซื้อคอนโดมือใหม่น่าจะกำลังสงสัย เพราะการเตรียมเงินก้อนใหญ่สำหรับซื้อคอนโด เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย 

แต่จริง ๆ แล้วการเตรียมเงินเพื่อซื้อคอนโด ก็เป็นเพียงเงินก้อนส่วนหนึ่งสำหรับใช้จ่ายในช่วงดำเนินการในช่วงแรกเท่านั้น

สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับเตรียมเงินก้อนเพื่อซื้อคอนโด เรามาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียม เพื่อให้คุณได้วางแผนทางการเงินเอาไว้ล่วงหน้า และสามารถซื้อคอนโดได้ด้วยเงินก้อนแรก พร้อมวิธีการขอสินเชื่อที่ให้วงเงินครอบคลุมในส่วนที่เหลือ

กู้ซื้อคอนโด ต้องเตรียมเงินสดไว้ด้วยหรือไม่?

หลายคนที่กำลังจะเลือกยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อซื้อคอนโด ก็น่าจะสงสัยกันว่า ถ้าหากขอสินเชื่อแล้ว ยังต้องเตรียมเงินสดเอาไว้ด้วยหรือไม่?

คำตอบคือ ต้องเตรียมเงินสดเอาไว้สำหรับการดำเนินการด้วย

โดยเงินสดที่ต้องเตรียม ไม่ได้หมายถึงเงินก้อนตามราคาของคอนโดที่จะซื้อ แต่เป็นเงินก้อนแรกที่ต้องนำไปเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในช่วงที่เริ่มตัดสินใจซื้อคอนโด ไปจนถึงช่วงก่อนที่จะย้ายกระเป๋าเข้าอยู่ สำหรับการซื้อคอนโดจะมีค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ต้องเตรียม ดังนี้

1. ค่าใช้จ่ายในช่วงทำสัญญา

เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมเอาไว้เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกซื้อคอนโดในยูนิตที่ต้องการ โดยเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้กับโครงการในส่วนแรก ได้แก่

  • ค่าจองยูนิตที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,000-10,000 บาท 
  • ค่าทำสัญญาจะซื้อจะขาย โดยหลังจากทำการจอง 1-2 สัปดาห์ ทางโครงการจะนัดเข้าทำสัญญา มีค่าใช้ประมาณ 5,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับมูลค่าของโครงการ
  • ค่าดาวน์คอนโด 10-35% ของราคาคอนโด ซึ่งสามารถผ่อนได้แบบไม่มีดอกเบี้ย (สำหรับคอนโดที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง)

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องดาวน์คอนโด?

การวางเงินดาวน์คอนโด สามารถทำได้กับโครงการคอนโดที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยการดาวน์ 10-35% ของราคาคอนโด มีข้อดีตรงที่คุณสามารถเลือกผ่อนดาวน์ไปแบบไม่มีดอกเบี้ยกับทางโครงการไปได้เรื่อยๆ จนกว่าคอนโดจะสร้างเสร็จ

และการวางเงินดาวน์จะช่วยให้คุณสามารถผ่อนชำระสินเชื่อกับทางธนาคารหมดได้ไวขึ้นด้วย เนื่องจากเงินดาวน์จะไปลดยอดกู้สินเชื่อลง ทำให้เงินต้นลดลง การคำนวณดอกเบี้ยก็ลดลง และระยะเวลาในการผ่อนคอนโดลดลงด้วย 

เช่น คอนโดราคา 2,900,000 บาท เลือกดาวน์ที่ 10% หรือ 290,000 บาท จะทำให้เงินต้นในการขอสินเชื่อธนาคารเหลืออยู่ที่ 2,610,000 บาท ซึ่งการผ่อนจ่ายรายเดือนก็จะลดลง และผ่อนคอนโดหมดได้เร็วขึ้น

2. ค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อซื้อคอนโด

ในการยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดกับธนาคาร จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์มีอัตราการเก็บค่าธรรมเนียม ดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ หากวางเงินกู้เกิน 5 แสนบาท คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 ของวงเงิน
  • ค่าประเมินหลักประกัน หากวงเงินกู้ไม่เกิน 5 แสนบาท ค่าธรรมเนียม 1,900 บาท / วงเงินกู้ เกิน 5 แสน – 3 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม 2,800 บาท / วงเงินกู้เกิน 3 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม 3,100 บาท
  • ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (คิดแบบเหมา) คิดค่าธรรมเนียม 1,000 บาท

3. ค่าใช้จ่ายในช่วงโอนกรรมสิทธิ์

เมื่อดำเนินขั้นตอนการขอสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะย้ายเข้าอยู่ ต้องไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้คอนโดนั้นเป็นชื่อของผู้ซื้อให้เรียบร้อยก่อนที่กรมที่ดิน โดยจะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้ ได้แก่

  • ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ตามราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมิน และไม่เกิน 10,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ 

โดยในปี 2565 ได้มีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ในอัตราพิเศษ ที่จะช่วยลดภาระรายจ่ายให้ผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง 

อ่านต่อได้กับ > อัปเดตค่าธรรมเนียมการโอน-จำนองบ้านปี 2565 [พร้อมวิธีคำนวณ]

4. ค่าใช้จ่ายก่อนเข้าอยู่คอนโด

โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะจ่ายให้กับทางโครงการคอนโดที่คุณซื้อ มีทั้งค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียวและค่าใช้จ่ายล่วงหน้าแบบรายปี ได้แก่

  • ค่ากองทุนส่วนกลาง เป็นค่ากองทุนที่จ่ายให้กับทางโครงการคอนโด โดยจะจ่ายเพียงครั้งเดียว และคิดราคาต่อตารางเมตรของพื้นที่ห้องที่ซื้อ เช่น 400 บาทต่อตารางเมตร และห้องของคุณมีขนาด 35 ตารางเมตร จะมีค่ากองทุนอยู่ที่ 14,000 บาท
  • ค่าส่วนกลางล่วงหน้า สำหรับนำไปบริหารและซ่อมบำรุงทรัพย์สินส่วนกลางในคอนโด โดยจะคิดเป็นรายเดือน และคิดราคาต่อตารางเมตรของพื้นที่ห้องที่ซื้อ เช่น 40 บาทต่อตารางเมตร และห้องของคุณมีขนาด 35 ตารางเมตร จะมีค่าส่วนกลางรายเดือนอยู่ที่ 1,400 บาทต่อเดือน ซึ่งบางโครงการอาจเรียกเก็บเป็นรายปี หรือ 1,400 x 12 = 16,800 ต่อปี
  • ค่าติดตั้งและค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า เป็นค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียว ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของมิเตอร์และเงื่อนไขของโครงการ

ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมในการซื้อคอนโด

ตัวอย่างการคิดค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ต้องเตรียมในการซื้อคอนโด ราคา 2 ล้านบาท ขนาด 35 ตารางเมตร ผ่อนดาวน์ 10% (2 แสนบาท) และยื่นขอสินเชื่อซื้อคอนโดกับธนาคาร 1,800,000 บาท

  • ค่าจอง + ค่าทำสัญญา 10,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ 1,800 บาท
  • ค่าประเมินหลักประกัน 2,800 บาท
  • ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 36,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง 18,000 บาท
  • ค่าอากรแสตมป์ 900 บาท
  • ค่ากองทุนส่วนกลาง 14,000 บาท
  • ค่าส่วนกลางล่วงหน้า (1 ปี) 16,800 บาท
  • ค่าติดตั้งและค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า 4,000 บาท

รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ 105,300 บาท ซึ่งจำนวนเงินอาจจะลดลงได้อีกตามโปรโมชันที่แต่ละโครงการนำเสนอ เช่น บางโครงการอาจช่วยค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองครึ่งหนึ่ง 

รวมถึงในปี 2565 มีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ในอัตราพิเศษ ทำให้ค่าโอนและค่าจดจำนอง เหลือเพียง 0.01% เท่านั้น 

ทำให้จากตัวอย่างที่ต้องจ่าย ค่าโอนและจดจำนองจำนวน 54,000 บาท จะเหลือเพียงไม่เกิน 200 บาทเท่านั้น

อยากกู้ซื้อคอนโดให้ได้วงเงินสูง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโด ทางธนาคารจะพิจารณาว่าสามารถอนุมัติวงเงินให้กับผู้กู้ได้สูงสุดที่เท่าไร ซึ่งอาจมีตั้งแต่ 80-90% ของราคาคอนโด แล้วที่ในส่วนที่เหลือผู้กู้จะต้องใช้การดาวน์ หรือจ่ายเงินสดให้กับทางโครงการเอง

แต่ถ้าคุณอยากกู้ให้ได้วงเงินสูง เพื่อที่จะได้จ่ายเงินก้อนแรกน้อยลง หรือให้ได้เต็มวงเงิน 100% ของราคาประเมินคอนโด ก็จะช่วยให้ไม่ต้องเตรียมเงินสดสำหรับผ่อนดาวน์ ซึ่งคุณสามารถเตรียมตัวได้ดังนี้

อยากกู้ซื้อคอนโดให้ได้วงเงินสูง ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

1. คุณสมบัติโดยทั่วไปของผู้กู้ 

โดยผู้กู้จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีอายุงาน 1 ปีขึ้นไป มีหลักฐานแสดงรายได้ที่น่าเชื่อถือ มีรายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระเงินกู้ รวมถึงมีประวัติข้อมูลเครดิตที่มีสถานปกติ มีวินัยทางการเงินที่ดี ไม่ติดแบล็คลิสต์หรือมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี

2. ฐานเงินเดือนที่ถึงเกณฑ์การพิจารณาปล่อยสินเชื่อ

ธนาคารจะนำข้อมูลเงินเดือนของผู้กู้ มาคำนวณรวมกับยอดหนี้สินที่มีอยู่ เพื่อประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ ซึ่งถ้าผู้กู้ไม่มีภาระหนี้สินอะไรเลย หรือมีภาระหนี้สินน้อย โอกาสที่ธนาคารจะปล่อยกู้ได้เต็มตามอัตรารายได้ก็มีสูง 

โดยการคิดยอดสินเชื่อสูงสุดที่ทางธนาคารอนุมัติ ทำได้ตามขั้นตอนนี้

  1. หาจำนวนเงินผ่อนต่อเดือน จากการใช้สูตร

รายได้ต่อเดือนของผู้กู้ x 40% (ค่า DSR ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 40% ของรายได้) = จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน

เช่น หากผู้กู้มีเงินเดือน 35,000 บาท และไม่มีภาระหนี้สินอื่น ๆ 

จะได้ 35,000 x 40% = 14,000 บาท เป็นจำนวนเงินผ่อนต่อเดือน

  1. คำนวณหาวงเงินที่สามารถกู้ได้

นำจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนที่ได้จากข้อก่อนหน้า มาคำนวณยอดสินเชื่อที่ทางธนาคารจะอนุมัติ โดยใช้วิธีต่อไปนี้

กรณีไม่มีหนี้สิน จะใช้สูตร

จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้

เช่น หากผู้กู้มีเงินเดือน 35,000 บาท และไม่มีภาระหนี้สินอื่น ๆ จะมีเงินผ่อนต่อเดือนที่ 14,000 บาท 

จะได้ 14,000 x 150 = 2,100,000 บาท เป็นวงเงินที่สามารถกู้ได้

กรณีมีหนี้สินอื่น จะใช้สูตร

(จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน-ภาระหนี้อื่นๆ) x 150 = วงเงินที่สามารถกู้ได้

เช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 35,000 บาท และผ่อนรถที่ราคา 7,000 บาทต่อเดือน 

จะได้ (14,000 – 7,000) x 150 = 1,050,000 บาท เป็นวงเงินที่สามารถกู้ได้

3. ตรวจเช็กภาระหนี้สิน และจัดการให้ได้มากที่สุดก่อน

จากการคำนวณในข้อก่อนหน้าเราได้เห็นไปแล้วว่า หากมีภาระหนี้สินก่อนที่จะขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโด ตัวหนี้สินที่มีอยู่จะถูกนำมาคิดรวมเป็นวงเงินที่ทางธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อด้วย 

นั่นหมายความว่า ยิ่งมีภาระหนี้สินเยอะ วงเงินกู้ซื้อคอนโดที่จะได้รับจากธนาคารก็อาจจะน้อยลง รวมถึงถ้ามีภาระหนี้สินเกิน 40% ของรายได้อยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่การขอสินเชื่อจะไม่ได้รับการอนุมัติเช่นกัน

ดังนั้น ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อซื้อคอนโดกับธนาคาร ถ้าหากคุณต้องการให้ได้รับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่สูง หรือกู้ได้เต็ม 100% ก็ต้องจัดการกับหนี้เก่าให้เสร็จ หรือปิดหนี้ให้ได้มากที่สุดก่อน ไม่ว่าจะเป็น หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล ค่าผ่อนรถ

4. รักษาประวัติทางการเงินให้ดีอยู่เสมอ

การมีประวัติทางการเงินที่ดี จะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือทางการเงิน ที่ช่วยให้การขอสินเชื่อสามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น 

  • เดินบัญชีสม่ำเสมอ มีรายการเงินเข้าออกบัญชีอยู่เป็นประจำ
  • มีการเก็บออมเงินก้อนในบัญชี
  • รักษาประวัติการผ่อนชำระต่างๆ ให้สม่ำเสมอ
  • การสร้างหนี้สินที่ไม่เกิน 40% ของรายได้แต่ละเดือน

5. การกู้ร่วม

หากคุณได้คำนวณแล้วว่า รายได้ต่อเดือนของคุณยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสามารถยื่นขอสินเชื่อคนเดียวแล้วจะได้วงเงินสูง การกู้ร่วมหรือหาผู้ที่รับผิดชอบในการกู้ซื้อคอนโดร่วมกัน ที่จะเป็นการนำเอารายได้ของผู้กู้มารวมกัน จึงช่วยให้คุณได้รับวงเงินจากการขอสินเชื่อมากขึ้น และยังได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่ง่ายขึ้นด้วย

แต่การกู้ร่วมมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่คุณจะต้องรู้ ก่อนตัดสินใจยื่นกู้ร่วมซื้อบ้าน เช่น การมีภาระหนี้ร่วมกัน ที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมกันรับผิดชอบในการผ่อนชำระหนี้ และการถอนรายชื่อของผู้กู้ร่วมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เป็นต้น

สอบถามข้อมูลสินเชื่อซื้อคอนโดกับ ธอส.

ธอส. เป็นธนาคารที่ช่วยให้คุณสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองได้ สำหรับลูกค้าท่านใดที่กำลังมองหาโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีรายละเอียดข้อเสนอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ตอบทุกโจทย์ของคนอยากมีบ้านมาแนะนำ 

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง หรือกลุ่มผู้มีรายได้สูง ก็มีผลิตภัณฑ์พร้อมโปรโมชันหลากหลาย ที่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสม

หากสนใจขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่

เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

G H BANK Call Center : 0-2645-9000

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

รวมทุกวิธีรีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยต่ำจาก ธอส. พร้อม 5 สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.79% ผ่อนเบาสบายเพียง 3,000 บาท/เดือน
รวมข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ ซื้อคอนโดดีไหม หรือซื้อบ้านดีไหม พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียแบบละเอียด เพื่อให้เลือกได้ตรงใจ
รวมโครงการบ้าน 2568 และคอนโดใหม่ 2568 ทำเลศักยภาพ น่าลงทุน พร้อมรายละเอียดโครงการและราคาเริ่มต้น ครบจบในที่เดียว

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน