การตกแต่งบ้านจะเป็นเรื่องที่สนุก และไม่ยากอย่างที่คิด ขอเพียงแค่คุณมีภาพในใจที่ชัดเจน
ซึ่งในบทความนี้ เราได้รวบรวมแบบห้องรับแขกสวยๆ ที่จะเป็นไอเดียนำไปตกแต่งห้องรับแขกในฝันของคุณ
พร้อมแนะนำไอเดียที่นำไปประยุกต์ตกแต่งตามได้ง่ายๆ และทริปในการเลือกของที่ถึงแม้จะแต่งได้ไม่เหมือนตามแบบ แต่รับรองว่าไม่หลุดธีม พร้อมตอบทุกฟังก์ชันและทุกสไตล์ที่กำลังอินเทรนด์
- 15 แบบห้องรับแขกสวย ๆ แต่งตามได้ ไม่ตกเทรนด์ ปี 2021
- 1. ห้องรับแขกสไตล์คอมฟี่ เน้นความสบาย
- 2. ห้องรับแขกสมัยใหม่ เน้นฟังก์ชัน นั่งทำงานได้
- 3. ห้องรับแขกสวยด้วยกำแพงแกลเลอรี่ (Gallery Wall)
- 4. ห้องรับแขกแนวจังเกิล (Jungle) สำหรับคนรักต้นไม้
- 5. ห้องรับแขกสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style)
- 6. ห้องรับแขกเรียบและเท่แบบดำล้วน (All Black)
- 7. ห้องรับแขกแนวชายฝั่งทะเล (Coastal Style)
- 8. ห้องรับแขกสไตล์มูจิ (Muji-inspired style)
- 9. แต่งห้องรับแขกให้น่ารัก สไตล์เกาหลี (Korean Style)
- 10. ห้องรับแขกสไตล์โบฮีเมียนสำหรับคนรักอิสระ (Bohemian Style)
- 11. แต่งห้องรับแขกคุมโทน ที่เล่นกับพื้นผิวและลวดลาย (Texture and pattern)
- 12. ห้องรับแขกแนวเอิร์ธโทน ตกแต่งด้วยไม้และดินเผา (Wood and Clay)
- 13. แบบห้องรับแขกสวยโทนมืด ดูสุขุม
- 14. แบบห้องรับแขกหลากสีสัน สไตล์ป๊อป (Colorful Pop)
- 15. ห้องรับแขกสไตล์อีโค (Eco) หยิบยืนองค์ประกอบของธรรมชาติมาตกแต่ง
- ตกแต่งห้องรับแขกสวยๆ กับสินเชื่อของตกแต่ง
15 แบบห้องรับแขกสวย ๆ แต่งตามได้ ไม่ตกเทรนด์ ปี 2021
1. ห้องรับแขกสไตล์คอมฟี่ เน้นความสบาย
ห้องรับแขกสไตล์ ‘คอมฟี่’ (Comfy Style) คือ การตกแต่งห้องเพื่อการอยู่อาศัยโดยแท้จริง เพราะจะเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความสบายแก่ผู้อยู่อาศัยเป็นอันดับแรก เน้นโทนสีของเฟอร์นิเจอร์ สีห้อง และแสงไฟที่ดูอบอุ่น โปร่งเบา เฟอร์นิเจอร์อย่างเช่น โต๊ะ โซฟา เก้าอี้ มักจะมีลักษณะโค้ง (Curved) ดูสบายตา
ใครที่อยากตกแต่งห้องรับแขกในสวยเหมือนแบบห้องรับแขกสไตล์คอมฟี่ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ โซฟาที่นั่งสบาย หมอนหรือเบาะ (cushion) และผ้า ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มหรือพรม ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม อบอุ่น และสบาย ก็จะช่วยให้นึกถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่นของผ้าถักได้
สำหรับโทนสีห้อง นิยมใช้สีโทนอ่อน เช่น ครีม เบจ น้ำตาลอ่อน เป็นต้น ที่ช่วยซับแสง ดูละมุน ไม่ให้ห้องสว่างจ้าจนเกินไป
2. ห้องรับแขกสมัยใหม่ เน้นฟังก์ชัน นั่งทำงานได้
ห้องรับแขกอเนกประสงค์ (Multifunctional Living Room) แนะนำสำหรับคนที่บ้านมีพื้นที่จำกัด อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม หรือคนที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่บ้าน
สไตล์นี้ออกแบบโดยคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและประหยัดพื้นที่เป็นหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วห้องรับแขกประเภทนี้ จะควบรวมพื้นที่ทำงานหรือ “Home Office” ขนาดเล็กๆ ไว้ด้วยกัน รวมไปถึงเว้นพื้นที่โล่งๆ เอาไว้สำหรับออกกำลังกายได้อีกด้วย
ทริกสำคัญในการตกแต่ง คือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน เช่น โต๊ะที่เป็นทั้งตู้และชั้นวาง โซฟาที่มีชั้นเก็บของภายในตัว การใช้โซฟาตัวยาวในการแบ่งสันพื้นที่ห้อง กั้นโซนทำงานและโซนพักผ่อน เป็นต้น
นอกจากนี้ แนะนำให้เลือกซื้อโต๊ะอเนกประสงค์ที่เบาและไม่กินเนื้อที่ สามารถขยับออกเพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ง่ายยิ่งขึ้น
3. ห้องรับแขกสวยด้วยกำแพงแกลเลอรี่ (Gallery Wall)
ให้ห้องรับแขกบอกเล่าแพสชันหรือความหลงใหลในศิลปะของคุณ ด้วยการตกแต่งกำแพงด้วยรูปภาพต่างๆ ที่คุณชื่นชอบ ที่เรียกว่า “Gallery Wall”
โดยการตกแต่งห้องรับแขกสวยๆ ด้วย “กำแพงแกลเลอรี่” สามารถแล้วปรับใช้ได้กับสไตล์การตกแต่งบ้านทุกแนว และสามารถคุมงบประมาณได้ไม่ยาก เพียงลงทุนกับโซฟาดีๆ สักตัว และนำรูปภาพต่างๆ
เช่น โปสเตอร์หนังที่คุณสะสม รูปภาพของศิลปิน ภาพวาดจากศิลปินที่คุณรัก หรือจะพิมพ์รูปที่ชื่นชอบจากอินเทอร์เน็ตมาใส่กรอบเรียบๆ และอาจจะตกแต่งด้วยภาพหรือนาฬิกาแนวแอนทีค (Antique) มาตกแต่งบนกำแพง เพียงเท่านี้ห้องของคุณจะก็จะสวยงามและดูเป็นเอกลักษณ์แล้ว
4. ห้องรับแขกแนวจังเกิล (Jungle) สำหรับคนรักต้นไม้
สำหรับคนที่รักต้นไม้ ไม่ต้องลังเลเลยว่าจะตกแต่งห้องรับแขกอย่างไร
แบบห้องรับแขกสวย ๆ ข้างบนนี้ ตกแต่งสไตล์ลิตเติลจังเกิล (Little jungle) โดยการนำไม้ใบหลากหลายชนิด คละลักษณะใบมาจัดไว้ในพื้นที่เดียวกัน เนรมิตป่าขนาดย่อมๆ ในห้อง สร้างบรรยากาศสดชื่นน่าผ่อนคลายให้ผู้อยู่อาศัย
สไตล์การแต่งห้องรับแขกแบบนี้ ทำได้ไม่ยาก โดยให้เน้นการเลือกกระถางต้นไม้ในทิศทางเดียวกันก็จะช่วยคุมโทน ส่วนการกระจายพันธุ์ไม้ให้หลากหลาย จะช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติ และถ้ายิ่งกระจายต้นไม้ไว้ทั้งบนโต๊ะ บนพื้นบนชั้น หรือแขวน ให้ต้นไม้กระจายอยู่ในหลายๆ ระดับ ก็จะช่วยสร้างความสดชื่นได้มากยิ่งขึ้น
5. ห้องรับแขกสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style)
เอกลักษณ์ของการตกแต่งของสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Style) หรือนอร์ดิก (Nordic Style) คือ ความสบาย ดูผ่อนคลายตั้งแต่รูปลักษณ์ไปจนถึงสัมผัส ซึ่งลักษณะการตกแต่งแบบชาวนอร์ดิก (ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบยุโรปเหนือ) นั้น ได้รับแรงบันดาลจากมาจากธรรมชาติและให้คุณค่ากับสัจจะของวัสดุ เช่น ไม้เปลือย เหล็กเปลือย อิฐ หรือดินเผา
ใครที่หลงรักความสบายและความไม่ปรุงแต่ง อยากแต่งห้องรับแขกในสไตล์นี้ แนะนำให้ทาสีห้องด้วยสีโทนอ่อน ขาว ครีม เทา หรือพาสเทล เพื่อให้ห้องดูสบายตา และรับกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ เช่น เก้าอี้ไม่สน โต๊ะกลมเนื้อแข็งลายชัด พร้อมกับของตกแต่งที่ดูลื่นไหล มีลักษณะโค้งมน ไม่แข็งทื่อ และถ้ายิ่งเพิ่มสีเขียวของต้นไม้เข้าไป บรรยากาศในห้องก็จะดูโปร่งสบายยิ่งขึ้น
6. ห้องรับแขกเรียบและเท่แบบดำล้วน (All Black)
หลายๆ คนคงจะหลงเสน่ห์ความเท่ คูล ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของสีดำกันอยู่แล้ว ซึ่งการตกแต่งภายในแบบดำล้วน หรือ “All Black” ก็คือ อีกเทรนด์การตกแต่งที่มาแรงมากๆ โดยมักจะใช้กับตกแต่งห้องรับแขกสไตล์โมเดิร์น
สำหรับห้องรับแขกแบบ “All Black” ทริกการเลือกของก็เพียงแค่เลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักของห้องรับแขกให้เป็นสีดำ เช่น โซฟา โต๊ะอเนกประสงค์ ตู้ รวมไปถึงของตกแต่งชิ้นใหญ่ เช่น รูปภาพประดับ เป็นต้น
นอกจากนี้ ด้วยความที่ของทุกชิ้นเป็นสีดำ คุณอาจจะเล่นกับพื้นผิวของสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ บ้างเป็นหนัง บ้างเป็นผ้า บ้างเป็นไม้ เพียงเท่านี้ ห้องรับแขกสีดำของคุณก็จะดูมีมิติและน่าสนใจมากขึ้น
7. ห้องรับแขกแนวชายฝั่งทะเล (Coastal Style)
หากคุณเป็นคนที่รักบรรยากาศแบบทะเล สไตล์การตกแต่งบ้านแบบชายฝั่ง (Coastal Style) คือ สไตล์ที่น่าสนใจ ด้วยเป็นสไตล์ที่หยิบยืมบรรยากาศโปร่งโล่ง ชวนผ่อนกายผ่อนใจ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงไม้สีขาว เฟอร์นิเจอร์ไม้โปร่งๆ โซฟาหรือเก้าอี้หวายสาน และการออกแบบประตูหน้าต่างให้แสงและลมเข้ามาได้สะดวก จากองค์ประกอบเหล่านี้ คุณสามารถหยิบยืมไปใช้ตกแต่งห้องรับแขกสวยๆ ของคุณได้เช่นกัน
โทนสีของห้องรับแขกสไตล์ชายฝั่งจะใช้อยู่ 3 สีหลัก ได้แก่ ขาว สีน้ำตาลอ่อน และสีครามน้ำทะเล โดยใช้สัดส่วนแบบ 60-30-10 เรียงตามลำดับ โดยสีขาวเป็นสีของผนังตัวห้อง สีน้ำตาลอ่อนจะมาจากเฟอร์นิเจอร์ไม้หรือหวายสาน และสีครามจากหมอน เบาะ หรือของตกแต่งชิ้นเล็กๆ เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ห้องรับแขกสไตล์ชายฝั่งแล้ว
8. ห้องรับแขกสไตล์มูจิ (Muji-inspired style)
คำว่า “มูจิ” จากแบรนด์ Muji มีความหมายว่า “No brand” หรือไม่มีแบรนด์ โดยสินค้าของแบรนด์ Muji นั้น จะเน้นความเรียบง่าย วัสดุคุณภาพ และใช้งานได้ดี แต่ด้วยความนิยมในความเรียบง่ายและเรียบร้อยแบบสินค้าของมูจิ ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่รักการตกแต่งบ้านจนเป็นหนึ่งในสไตล์ที่คนรักบ้านชื่นชอบ
วิธีการตกแต่งห้องรับแขกให้เป็นสไตล์ “มูจิ” นั้น จริงๆ แล้ว เพียงแต่เลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เก็บงานเรียบร้อย ดูสบาย เลือกโทนสีที่ไม่ฉูดฉาด (Muted colours) ใช้ผสมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนหรือไม้อัด ส่วนของตกแต่งนั้น อาจไม่จำเป็น แต่ถ้ากลัวห้องโล่ง ประดับเป็นต้นไม้ ลำโพง ก็เพียงพอแล้ว
9. แต่งห้องรับแขกให้น่ารัก สไตล์เกาหลี (Korean Style)
เวลาดูซีรีส์เกาหลี หลายๆ คนคงรู้สึกไม่ต่างกันว่า การตกแต่งบ้านของพวกเขาทั้งน่ารักทั้งดูเรียบร้อย แม้จะเป็นเพียงบ้านหรือห้องเล็กๆ
สำหรับสไตล์การแต่งห้องรับแขกสวยๆ แบบเกาหลี จะมีลักษณะคล้ายการตกแต่งบ้านแบบญี่ปุ่นหรือมูจิ ที่เน้นความเรียบร้อยและผ่อนคลายเป็นสำคัญ แต่คนเกาหลีจะตกแต่งห้องให้มีสีสันสดใสกว่า โดยมักจะตกแต่งห้องให้ดูละมุน ใช้สีโทนพาสเทล ห้องสีครีม และใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สนสีสว่าง
ด้วยความที่ห้องของคนเกาหลีมักจะมีขนาดเล็กกะทัดรัด จึงมักจะตกแต่งห้องด้วยกระจกขนาดใหญ่และเน้นหน้าต่างที่กว้างรับแสงเข้ามาเต็มๆ ซึ่งเมื่อแสงเข้ามาตกกระทบกับสิ่งของต่างๆ ภายในห้อง จะช่วยให้ห้องดูใหญ่ขึ้น โล่ง โปร่ง และสบายตา
10. ห้องรับแขกสไตล์โบฮีเมียนสำหรับคนรักอิสระ (Bohemian Style)
สไตล์โบฮีเมียน เป็นหนึ่งในสไตล์การแต่งตัวและสไตล์การแต่งบ้านที่คนรักศิลปะและความอิสระรัก เป็นสไตล์ที่เอื้อให้ทุกความชื่นชอบหลงใหลรวมอยู่ด้วยกันได้
ลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของสไตล์โบฮีเมียนจะอยู่ที่ลวดลายและสีสันที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน ลายหมอน กลายเก้าอี้ ลายจากผ้าห่ม รวมไปถึงเสื่อหรือพรมที่วางไว้บริเวณโซฟาก็มักจะเน้นลวดลายที่โดดเด่น ชัดเจน ส่วนสีสันของห้องรับแขกสไตล์โบฮีเมียนนั้นสามารถเป็นสีอะไรก็ได้ สามารถเล่นสีสันได้เต็มที่ แต่โดยรวมแล้วห้องจะเป็นโทนสว่าง ไม่มืดทึม
นอกจากนี้ หากเสริมด้วยของตกแต่งแปลกๆ (Exotic) เช่น ตาข่ายดักฝัน (Dream Catcher) เครื่องราง พวกดอกไม้หรือเถาไม้ประดับ กระดิ่ง และของต่างๆ ที่บ่งบอกความหลงใหลและจิตวิญญาณแล้ว ห้องของคุณก็จะยิ่งเหมือนกับห้องของชาวยิปซีหรือชาวโบฮีเมียนยิ่งขึ้นไปอีก
11. แต่งห้องรับแขกคุมโทน ที่เล่นกับพื้นผิวและลวดลาย (Texture and pattern)
ห้องรับแขกที่คุมโทนสีก็สามารถสร้างความน่าสนใจได้จากการเล่นกับพื้นผิวและลวดลายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโซฟาและเก้าอี้ที่ใช้เนื้อผ้าแตกต่างกัน เก้าอี้ไม้และผ้าสาน เซรามิกหรือดินเผาแต่งลวดลาย ส่วนกำแพงหรือฉากกั้น อาจวาดภาพหรือลงลวดลายแทนการทาสีล้วน ก็จะช่วยให้ห้องดูน่าสนใจ มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง
นอกจากนี้ สำหรับการเลือกใช้สีแบบคุมโทนไม่ให้น่าเบื่อ ให้เลือกเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งสีคู่ตรงข้ามกับสีหลักของห้องเพื่อขับเน้นให้ห้องมีจุดดึงดูดสายตา
12. ห้องรับแขกแนวเอิร์ธโทน ตกแต่งด้วยไม้และดินเผา (Wood and Clay)
สีสันของดินและไม้ ให้ความรู้สึกของธรรมชาติที่มั่นคง หนักแน่น แต่ก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอบอุ่นไปในตัว การตกแต่งห้องรับแขกให้ออกมาเป็นโทนสีเอิร์ธโทน (Earth Tone) จึงเป็นอีกสไตล์ที่คนให้ความนิยม
การตกแต่งในสไตล์นี้ ให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก เช่น เก้าอี้ไม้ ตู้ไม้ คอนโซลวางของตกแต่ง ฯลฯ โดยสามารถคละไม้หลากชนิด คละสีสัน และคละรูปทรง รวมไม้ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันเพื่อสร้างความน่าสนใจ ปูพื้นด้วยอิฐ รองพื้นด้วยเสื่อกก นำชามกระเบื้องหรือเซรามิกมาตกแต่ง และอาจเติมความสดชื่นรื่นรมย์ด้วยต้นไม้เขียวๆ และหากเพดานมีขื่อหรือคานไม้ ก็จะยิ่งเสริมความโดดเด่นของห้องแนวเอิร์ธโทนให้ความรู้สึกอบอุ่นและเข้าใกล้ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
13. แบบห้องรับแขกสวยโทนมืด ดูสุขุม
นอกจากสไตล์การแต่งห้องแบบดำล้วนหรือ “All Black” แล้ว ห้องรับแขกโทนมืดก็เป็นอีกสไตล์ที่หลายคนสนใจ ด้วยเสน่ห์ความสุขุมที่โดดเด่น บ่งบอกอัตลักษณ์ของผู้อยู่อาศัย โดยการตกแต่งห้องให้ดูมืดนั้น อาจจะแต่งยากสักเล็กน้อย เพราะการเล่นสีโทนมืดอาจทำให้ของรับแขกดูไม่ผ่อนคลาย
เทคนิคของการตกแต่งห้องรับแขกในโทนมืดนั้น คือ การเลือกสีเข้ามาแต่งเติมและสร้างสมดุลให้กับบรรยากาศโดยรวม หากห้องทาสีโทนมืด ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อย่างโซฟาในโทนสว่างเพื่อตัดกับความมืด และเลือกของตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่เล็กกว่าที่มีสีสันในโทนเย็น เพื่อให้โทนสีโดยรวมจะกลมกลืนกับความมืด หากใช้กฎ 60-30-10 จะเรียงสีตามลำดับ ได้แก่ สีหลักโทนมืด สีโทนเย็น และสีโทนสว่าง
14. แบบห้องรับแขกหลากสีสัน สไตล์ป๊อป (Colorful Pop)
การเล่นสีกับห้องรับแขกเป็นเรื่องที่หลายคนหลีกเลี่ยงเพราะแต่งยาก แต่หากคุณคือคนที่ชอบสีสัน หลงรักสีสดๆ คำแนะนำต่อไปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ
ให้เลือกใช้สีที่มีระดับความสดใกล้เคียงกัน เพื่อไม่ให้แต่ละสีแข่งขันแย่งความน่าสนใจ ส่วนพื้นห้องหรือผนังอาจเลือกใช้โทนสีอ่อน แล้วเล่นสีหนักกับเฟอร์นิเจอร์ แต่หากจะเล่นสีที่ผนังก็สามารถทำได้ โดยเลือกใช้ให้ตัดกับสีของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักในห้อง
นอกจากนี้ การใช้สีสดและหนักที่ยังคงความผ่อนคลายของห้องรับแขกไว้ได้ ควรลงน้ำหนักความน่าสนใจของการใช้สีไว้ในจุดใดจุดหนึ่งเพื่อเป็นจุดดึงดูดสายตา ส่วนบริเวณอื่น อาจใช้สีที่อ่อนลงมาหรือเป็นสีที่เป็นโทนเดียวกันมากกว่า ก็จะทำให้สายตาของแขกหรือผู้อยู่อาศัยไม่ถูกดึงดูดไปมา
15. ห้องรับแขกสไตล์อีโค (Eco) หยิบยืนองค์ประกอบของธรรมชาติมาตกแต่ง
ห้องรับแขกสไตล์อีโคจะหยิบยืนวัสดุจากธรรมชาติมาใช้เป็นหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไม้และหวาย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ
เสน่ห์และเอกลักษณ์ของสไตล์การตกแต่งห้องแบบนี้ อยู่ที่ความรู้สึกสบาย ปลอดโปร่ง มาพร้อมกับการใช้สีที่ไม่ฉูดฉาด แต่ก็ไม่ถึงกับจืดชืด โดยสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องด้วยงานจักสาน ลวดลายบนหมอน ผ้า หรือพรมที่เรียบง่าย โทนสีของห้องสไตล์นี้ จะเน้นโทนที่สว่างสบายตาและแต่งเติมสีสันด้วยสีเขียวของต้นไม้ สีแดงส้มอย่างอิฐ
ของตกแต่งสำคัญที่ช่วยเนรมิตห้องของคุณให้กลายเป็นห้องรับแขกแนวอีโค คือ งานจักสาน เดินเผา และงานไม้
ตกแต่งห้องรับแขกสวยๆ กับสินเชื่อของตกแต่ง
ธอส. เป็นธนาคารเพื่อการมีบ้านโดยเฉพาะ มีสินเชื่อสำหรับการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกและของตกแต่งบ้านโดยเฉพาะ อย่าง “สินเชื่อบ้านเพิ่มสุข” เหมาะสำหรับคนที่มีบ้านอยู่แล้วและต้องการตกแต่งบ้านใหม่ ช่วยให้คนที่อยากแต่งบ้าน มีเงินเพียงพอที่จะซื้อสิ่งของ โดยที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำเหมือนดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คอยให้คำแนะนำ พร้อมเปรียบเทียบและหยิบยื่นข้อเสนอด้านสินเชื่อที่ดีที่สุดให้กับคุณ ติดต่อเราได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ
ติดต่อศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์: 02 645 9000