7 วิธีการเตรียมตัวก่อนกู้ซื้อคอนโด

/
/
7 วิธีการเตรียมตัวก่อนกู้ซื้อคอนโด

การเตรียมตัวกู้ซื้อคอนโด ไม่แตกต่างจากการยื่นขอสินเชื่อบ้านทั่วไปนัก แต่มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ควรทำความเข้าใจเพื่อให้กู้ผ่านได้ง่าย

ในปัจจุบัน “คอนโด” หรือ “คอนโดมิเนียม” คือที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งโดยเฉพาะในเมืองใหญ่หรือย่านธุรกิจที่มีพื้นที่จำกัด เพราะถึงแม้พื้นที่ใช้สอยของคอนโดจะมีไม่มาก แต่จุดเด่น คือ ระบบการจัดการ ระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย การคมนาคม ฯลฯ ที่ดีเยี่ยม อีกทั้ง ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่รวมกันอยู่ในคอนโด เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เป็นต้น นอกจากนี้ ระดับราคาของคอนโดยังมีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งหลายโครงการก็มีราคาถูกกว่าบ้านเดี่ยว ดังนั้น หลายคนจึงหันมาสนใจกู้ซื้อคอนโดมากขึ้น

สำหรับการเตรียมตัวกู้ซื้อคอนโด แม้จะไม่ได้แตกต่างจากการยื่นขอสินเชื่อบ้านทั่วไปนัก แต่ก็มีรายละเอียดและวิธีการบางขั้นตอนที่ควรทำความเข้าใจเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถกู้ผ่านได้ง่ายและเป็นเจ้าของคอนโดได้จริง

1. ตรวจสอบความพร้อมก่อนกู้ซื้อคอนโด

ขั้นตอนแรกก่อนที่จะกู้ซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าสูงไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม คือ การตรวจสอบความพร้อมของคุณก่อนว่าสามารถผ่อนคอนโด ไหวไหม โดยดูจากราคาคอนโด แล้วมาคำนวณหายอดผ่อนต่อเดือน แล้วดูว่าจากรายได้ต่อเดือนของคุณเพียงพอต่อการใช้จ่ายและการผ่อนหรือไม่

คุณสามารถคำนวณยอดผ่อนต่อเดือนด้วยโปรแกรมคำนวณสินเชื่อได้ ตรวจสอบความพร้อมของคุณให้มั่นใจก่อนตัดสินใจกู้ซื้อคอนโด

2. เตรียมหลักฐานแสดงที่มารายได้ที่น่าเชื่อถือ

เพื่อที่คุณจะได้ขออนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ธนาคารจะขอตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคุณก็คือ รายการการเดินบัญชี หรือ Statement ของคุณย้อนหลัง ประมาณ 6 เดือน ก่อนยื่นขอสินเชื่อ

ถ้าหากคุณเป็นพนักงานประจำหรือข้าราชการ มีรายได้ต่อเดือนแน่นอนข้อนี้อาจไม่ต้องทำอะไรมาก แต่สำหรับอาชีพอิสระ หรือพ่อค้าแม่ค้าที่มีการหมุนเวียนรายได้เป็นเงินสดแต่เงินสด อาจต้องเริ่มนำเงินเข้าระบบธนาคารอย่างมีวินัย เพื่อเป็นหลักฐานแสดงที่มาของรายได้ชัดเจน โดยควรนำเงินเข้าบัญชีสม่ำเสมอทุกเดือน และมีวินัยในการถอน/โอนเงิน

นอกจากนี้ คุณยังควรสร้างเครดิตด้วยการผ่อนชำระหนี้สินทุกประเภทอย่างมีวินัย ไม่มีประวัติค้างชำระ เสียภาษีตรงเวลา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ธนาคารจะใช้พิจารณาว่าคุณมีวินัยในการชำระหนี้หรือไม่และมีความสามารถในการจัดการการเงินและหนี้สินเพียงใด

3. ดูความพร้อมในการชำระหนี้

สิ่งที่จะทำให้เครดิตของคุณเสีย และกลายเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือในด้านการเงินก็คือ ภาระหนี้สินที่มีอยู่มากและการมีประวัติค้างชำระหนี้ใน “เครดิตบูโร”

เมื่อยื่นขอสินเชื่อ ธนาคารจะขอประวัติหนี้สินของผู้ยื่นกู้จากเครดิตบูโรเพื่อตรวจสอบดูว่าบุคคลนี้เคยค้างชำระหรือไม่ ซึ่งหากมีประวัติค้างชำระ โอกาสที่จะยื่นของสินเชื่อผ่านก็น้อย และถ้าหากค้างชำระและยังไม่สามารถสะสางหนี้เก่าได้ ธนาคารก็จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้

นอกจากนี้ คุณควรทบทวนตัวเองว่าภาระหนี้ที่มีอยู่ตอนนี้กับสินเชื่อที่กำลังจะขอ คุณจะผ่อนจ่ายไหวหรือไม่ ทางที่ดีคุณอาจทยอยสะสางหนี้เก่าให้เบาบางลง เช่น ค่าผ่อนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ รถยนต์ เป็นต้น เพื่อให้เหลือรายได้สุทธิมากที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อวงเงินกู้ที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ หากคุณมีปัญหาหนี้สินหรือติดปัญหาเครดิตบูโรก็สามารถขอคำปรึกษาจากธนาคารเพื่อดำเนินการกู้สินเชื่อต่อไปได้

4. พิจารณาความน่าเชื่อถือของโครงการคอนโด

การจะซื้อคอนโดแตกต่างจากการซื้อบ้าน เพราะโดยมากโครงการคอนโดจะเปิดให้จองห้องก่อนที่จะเริ่มก่อสร้าง ดังนั้น จึงยังมีความเสี่ยงที่คอนโดจะสร้างไม่เสร็จหรือมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ เมื่อต้องการกู้สินเชื่อมาซื้อคอนโด ธนาคารจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือของโครงการเพื่อให้มั่นใจว่า โครงการจะเสร็จได้จริง

วิธีการอย่างง่ายในการดูว่าโครงการคอนโดของผู้ประกอบการใดน่าเชื่อถือ ก็ดูจากโครงการที่เคยก่อสร้างมาแล้ว หรือหากเป็นโครงการที่มีชื่อเสียง ส่วนมากจะมีระบบการจัดการที่ดีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นอกจากนี้ อีกสิ่งที่จะทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ง่ายขึ้นก็คือ “ทำเล” ถ้าคอนโดที่คุณต้องการอยู่ในทำเลที่ดี คาดว่าอย่างไรก็มีคนต้องการ ธนาคารก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ขาดทุนเพราะสามารถขายทอดตลาดได้

ทั้งนี้ สำหรับบางธนาคารและบางโครงการก่อสร้างคอนโดอาจทำสัญญาร่วมมือกันตั้งแต่ขั้นตอนการจองคอนโดเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อ-ขาย และกู้ รวมทั้ง อาจให้วงเงินที่สูงได้มากถึง 100% ของราคาคอนโด

5. เตรียมเงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโด

ก่อนจะกู้ซื้อบ้านก็มีรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องสำรองไว้ก่อนที่จะได้เงินกู้หรือเตรียมไว้จ่ายส่วนต่างอื่นๆ สำหรับการขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโด คุณควรเตรียมเงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโด ราว 5% – 30% ของราคาคอนโดฯ ซึ่งโดยมากขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ ซึ่งจะมีโปรโมชั่นออกมาเสนอขายกันมากมายให้คุณเลือกเปรียบเทียบ

ค่าใช้จ่าย 5% – 30% นั้น สามารถจำแนกค่าใช้จ่ายได้ ดังนี้

  • ค่าจอง
  • ค่าทำสัญญาจะซื้อจะขาย
  • เงินสำหรับดาวน์และส่วนต่าง
  • ค่าจดจำนอง
  • ส่วนกลาง

การเตรียมเงินก้อนแรกจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะมีเงินซื้อคอนโด ได้จริง และจะไม่เดือนร้อนจากการผ่อนสินเชื่อ

6. เตรียมเอกสารขอสินเชื่อให้พร้อม

เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนยื่นกู้ซื้อคอนโดก็ไม่ได้แตกต่างจากการยื่นกู้ซื้อบ้าน เพราะต่างก็มีจุดประสงค์เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ดังนั้น เอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่

เอกสารส่วนบุคคล

  • บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรรัฐวิสาหกิจ
  • สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – สกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)

เอกสารทางการเงิน

พนักงานประจำ

  • ใบรับรองเงินเดือน / หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ
  • สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีอาชีพประจำ)

ผู้ประกอบอาชีพอิสระ

  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน/หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
  • สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วน
  • หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
  • รูปถ่ายกิจการ
  • สำเนาใบประกอบวิชาชีพ

เอกสารหลักประกัน

  • สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
  • สำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดทุกหน้า
  • หลักฐานการผ่อนดาวน์ (ถ้ามี)

ทั้งนี้ ธนาคารอาจขอเอกสารต่างๆ ของผู้กู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบพิจารณาการให้สินเชื่อ

7. เลือกธนาคารกู้ซื้อคอนโด

วิธีการเลือกธนาคารเพื่อขอสินเชื่อนั้น โดยมากจะพิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย และวงเงินกู้

อัตราดอกเบี้ย

สิ่งแรกที่ทุกคนสนใจเมื่อจะขอสินเชื่อ คือ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของแต่ละธนาคารว่าที่ใดดอกเบี้ยต่ำที่สุด ซึ่งวิธีการเลือกดูว่าที่ใดให้ดอกเบี้ยต่ำ ควรหาค่าเฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปี เพราะเป็นช่วงที่ไม่สามารถรีไฟแนนซ์หนี้ไปที่อื่นได้  

วงเงินกู้

วงเงินกู้ที่ธนาคารให้ได้ เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกธนาคารขอสินเชื่อ เพราะหากได้วงเงินกู้ที่สูงก็จะช่วยลดภาระรายจ่ายในช่วงแรกของการซื้อคอนโดได้ หรือมีเงินเหลือสำหรับตกแต่งห้อง ทั้งนี้ การได้วงเงินกู้ที่สูงอาจขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของโครงการคอนโดด้วยหรือการทำสัญญาร่วมกันระหว่างโครงการกับธนาคาร

นอกจากปัจจัยทั้ง 2 ข้อข้างต้นแล้ว สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาอีกคือระยเวลาผ่อนชำระ หากได้ระยะเวลาผ่อนที่ยาวนานขึ้นก็จะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลงมา เช่น ผ่อนได้นาน 40 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนอาจลดลงจากการผ่อน 30 ปี ถึง 1,000 – 3,000 บาท ได้ และเมื่อมีรายได้มากขึ้นคุณก็สามารถนำเงินมา “โปะ” ยอดหนี้ได้ เพื่อปรับลดระยะเวลาผ่อนชำระให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อน

สรุป

การจะเป็นเจ้าของคอนโดสักหลังในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยาก กระนั้น ก็มีสิ่งที่ต้องรู้และเตรียมตัวสำหรับการซื้อหรือกู้ซื้อคอนโด ทั้งสำรวจความพร้อมของตัวเอง การเตรียมความพร้อมด้านการเงิน และการเตรียมความพร้อมสำหรับการกู้สินเชื่อ เพื่อไม่ให้คอนโดเป็นภาระหนักหน่วง แต่เป็น “บ้าน” ที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุข

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บริการของเรา

สนใจผลิตภัณฑ์ธนาคาร

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน