การเผชิญกับภัยน้ำท่วมเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากพบเจอ แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ หากมีการเตรียมพร้อมและรู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสียหายและความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการรับมือน้ำท่วมบ้านทำยังไง หรือน้ำท่วมบ้านทำไงดี ตั้งแต่การเตรียมตัว การจัดการระหว่างน้ำท่วม ไปจนถึงการฟื้นฟูบ้านหลังน้ำลด เพื่อให้คุณสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
ปัญหาน้ำท่วมบ้านสร้างความเสียหายอะไรบ้าง
น้ำท่วมบ้านสร้างผลกระทบรุนแรงต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะความเสียหายต่อโครงสร้างบ้าน ระบบไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการซ่อมแซม นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจของผู้อยู่อาศัย เนื่องจากความเครียด และความเสี่ยงต่อโรคที่มากับน้ำ การเข้าใจถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อน้ำท่วมบ้านกะทันหัน ควรรับมืออย่างไร
เมื่อเกิดน้ำท่วมบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความปลอดภัยของชีวิต ซึ่งวิธีเอาตัวรอดจากน้ำท่วมหรือวิธีการป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน อันดับแรกควรตัดกระแสไฟฟ้าทั้งหมด จากนั้นรีบย้ายของมีค่าและเอกสารสำคัญขึ้นที่สูง พร้อมอพยพผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัย ติดตามข่าวสารและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด และเตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการอพยพฉุกเฉินให้พร้อม
หลังน้ำท่วมบ้านผ่านไป ดูแลบ้านอย่างไรให้สะอาดและปลอดภัยอีกครั้ง
หลังน้ำลด การฟื้นฟูบ้านต้องทำอย่างเป็นระบบและมีความระมัดระวัง เริ่มจากการตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างและระบบไฟฟ้า จากนั้นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกพื้นที่ ระวังสัตว์มีพิษที่อาจหลบซ่อน และดูแลเฟอร์นิเจอร์อย่างถูกวิธี การทำงานอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้บ้านกลับมาน่าอยู่อีกครั้ง มาดูกันว่าแต่ละขั้นตอนควรเริ่มต้นอย่างไรบ้าง
1. ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า
ก่อนเปิดใช้ไฟฟ้าหลังน้ำลด จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและรอบคอบ เริ่มจากการให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเบรกเกอร์และระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงสายไฟและปลั๊กไฟทุกจุด หากพบความผิดปกติ เช่น คราบน้ำ หรือความชื้นสะสม ต้องทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟฟ้ารั่ว
2. ตรวจสอบจุดที่เสียหาย
สำรวจความเสียหายทุกจุดอย่างละเอียด โดยเฉพาะโครงสร้างสำคัญของบ้าน เช่น เสา คาน ฐานราก และผนัง ถ่ายภาพความเสียหายไว้เป็นหลักฐานสำหรับการเคลมประกันและวางแผนซ่อมแซม จดบันทึกรายการความเสียหายและจัดลำดับความสำคัญในการซ่อมแซม เริ่มจากจุดที่มีผลต่อความปลอดภัยก่อน
3. ตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมหรือสัตว์มีพิษ
ตรวจสอบทุกมุมของบ้านอย่างละเอียดเพื่อหาสิ่งแปลกปลอมหรือสัตว์มีพิษที่อาจเข้ามาหลบซ่อนระหว่างน้ำท่วม โดยเฉพาะในซอกมุม ใต้เฟอร์นิเจอร์ หรือพื้นที่อับชื้น หากพบสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ หรือแมงป่อง ไม่ควรจัดการเอง ให้ติดต่อหน่วยงานที่เชี่ยวชาญมาดำเนินการ
4. ทำความสะอาดภายในและภายนอก
ทำความสะอาดทุกพื้นที่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เริ่มจากการขจัดโคลนและสิ่งสกปรกออกก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดถูอีกครั้ง เน้นพื้นที่ที่สัมผัสบ่อย เช่น พื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ เปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทและช่วยลดความชื้น
5. สำรวจฝ้าเพดาน
ตรวจสอบฝ้าเพดานอย่างละเอียดเพื่อหารอยรั่วซึมหรือความเสียหาย สังเกตการแอ่นตัว รอยคราบน้ำ หรือเชื้อรา หากพบความเสียหาย ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแผ่นฝ้าที่เสียหายทันที เพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาวและความเสี่ยงจากการพังทลาย
6. ไม่ควรรีบทาสีบ้านใหม่ทันที
ปล่อยให้ผนังแห้งสนิทอย่างน้อย 1-2 เดือนก่อนทาสีใหม่ เพราะความชื้นที่สะสมอยู่ในผนังอาจทำให้สีหลุดลอกได้ง่าย ระหว่างรอควรใช้พัดลมหรือเครื่องดูดความชื้นช่วยระบายความชื้น และสังเกตการเกิดเชื้อราบนผนัง หากพบให้กำจัดก่อนทาสี
7. เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นสามารถตากแดดได้
เฟอร์นิเจอร์แต่ละประเภทต้องการการดูแลแตกต่างกัน เฟอร์นิเจอร์ผ้าสามารถซักและตากแดดได้ แต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ควรตากในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเท เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุดูดซับน้ำ เช่น ฟองน้ำหรือที่นอน อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนใหม่หากเสียหายมาก
วิธีคลายเครียดในเหตุการณ์น้ำท่วม
การรับมือกับน้ำท่วมไม่เพียงต้องจัดการกับความเสียหายทางภายนอก แต่ยังต้องดูแลสภาพจิตใจด้วย ความเครียดที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการตัดสินใจ การรู้จักวิธีจัดการความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก มาดูกันว่าวิธีคลายเครียดในเหตุการณ์น้ำท่วมควรรับมืออย่างไร
1. ยอมรับความจริง
การยอมรับว่าน้ำท่วมเป็นสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เป็นก้าวแรกของการจัดการความเครียด เมื่อยอมรับได้ จะช่วยให้มีสติในการแก้ปัญหาและวางแผนการรับมือได้ดีขึ้น แทนที่จะเสียเวลากับการกังวลในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
2. มองโลกในหลายแง่มุม
พยายามมองหาข้อดีในสถานการณ์ยากลำบาก เช่น โอกาสในการทำความสะอาดครั้งใหญ่ การได้ปรับปรุงบ้านให้ดีขึ้น หรือการได้เห็นน้ำใจจากเพื่อนบ้านและชุมชน การมองเห็นแง่มุมบวกจะช่วยให้มีกำลังใจในการฟันฝ่าอุปสรรค
3. พูดคุยเพื่อระบายความเครียด
แบ่งปันความรู้สึกกับครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจ การพูดคุยจะช่วยลดความกดดันและอาจได้รับคำแนะนำหรือมุมมองใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา อย่าเก็บความกังวลไว้คนเดียว เพราะจะยิ่งเพิ่มความเครียด
4. มีอารมณ์ขัน
รักษาอารมณ์ขันไว้แม้ในสถานการณ์ยากลำบาก การหัวเราะและมองโลกในแง่ดีจะช่วยลดความตึงเครียดและทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น หากิจกรรมผ่อนคลายทำเช่น ดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือที่ชอบ
5. ให้ความสนใจผู้อื่น
การช่วยเหลือผู้อื่นในยามวิกฤตไม่เพียงเป็นการทำความดี แต่ยังช่วยให้เรารู้สึกมีคุณค่าและลืมความทุกข์ของตัวเอง การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่ช่วยเหลือกันจะสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเข้มแข็ง
สรุปวิธีป้องกันน้ำท่วมบ้าน
การรับมือกับน้ำท่วมบ้านต้องอาศัยทั้งการเตรียมพร้อมทางกายภาพและการดูแลสภาพจิตใจ การรู้วิธีป้องกันและจัดการอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสียหายและความเครียดที่อาจเกิดขึ้น ธอส. จึงประกาศมาตราการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 ธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภัยด้วยมาตรการพิเศษต่าง ๆ เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด
หากคุณสนใจขอสินเชื่อซ่อมแซมบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000