เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สร้างความตระหนกให้คนไทยไม่น้อย จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าควรซื้อบ้านหรือคอนโดดี หลังเผชิญความหวาดกลัวจากแรงสั่นสะเทือนครั้งประวัติศาสตร์โดยเฉพาะในอาคารสูง เรามาดูกันว่าหลังจากนี้ที่อยู่อาศัยแบบไหนที่ตอบโจทย์ทั้งความปลอดภัยและการใช้ชีวิต
- “แผ่นดินไหว” ปัจจัยสำคัญที่ต้องคิดเมื่อซื้อคอนโดในกรุงเทพ
- คอนโดในไทยรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่
- กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว
- 3 บทเรียนที่ผู้ซื้อบ้านและคอนโดต้องให้ความสำคัญ
- 4 บทเรียนจากแผ่นดินไหวของนิติบุคคล
- หลังแผ่นดินไหว บ้านและคอนโดราคาจะแพงขึ้น แต่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- สรุปควรตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี
“แผ่นดินไหว” ปัจจัยสำคัญที่ต้องคิดเมื่อซื้อคอนโดในกรุงเทพ
“แผ่นดินไหว” กลายเป็นปัจจัยใหม่ที่ผู้ซื้อบ้านหรือคอนโดดีต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีพื้นดินอ่อนนุ่ม ทำให้รับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าพื้นที่อื่น แม้จะอยู่ไกลจากรอยเลื่อน ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจปัจจัยด้านความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารมากขึ้น ไม่ใช่แค่ทำเลหรือสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงอย่างเดียว
คอนโดในไทยรองรับแผ่นดินไหวได้หรือไม่

หลายคนอาจกังวลว่าคอนโดรองรับแผ่นดินไหวได้มากน้อยแค่ไหน คำตอบคือ คอนโดและอาคารสูงในไทยที่สร้างหลังปี 2550 ต้องมีการออกแบบตามมาตรฐานที่รองรับแผ่นดินไหว นั่นคือเหตุผลที่แม้จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ริกเตอร์ แต่ไม่มีอาคารรองรับแผ่นดินไหวใดถล่มลงมาจนเป็นอันตรายร้ายแรงต่อผู้อยู่อาศัย มีเพียงความเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว
ประเทศไทยมีการพัฒนากฎหมายควบคุมการก่อสร้างให้โครงสร้างรองรับแผ่นดินไหวมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี โดยมีกฎหมายสำคัญดังนี้
- กฎกระทรวงปี 2540 กำหนดให้อาคารสูงเกิน 15 เมตรใน 10 จังหวัดเสี่ยง ต้องออกแบบโครงสร้างรองรับแผ่นดินไหว
- กฎกระทรวงปี 2550 ขยายขอบเขตมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล สร้างมาตรฐานให้คอนโดรองรับแผ่นดินไหวได้
- กฎกระทรวงปี 2564 ปรับปรุงล่าสุด แบ่งพื้นที่เสี่ยงเป็น 3 ระดับ พร้อมระบุมาตรฐานการก่อสร้างที่เข้มงวดขึ้นเพื่อให้บ้านรองรับแผ่นดินไหวได้อย่างปลอดภัย
3 บทเรียนที่ผู้ซื้อบ้านและคอนโดต้องให้ความสำคัญ

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว มีบทเรียนสำคัญที่ผู้ซื้อควรใส่ใจก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว ทั้งการตรวจสอบมาตรฐานโครงสร้างและแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
1. เช็กให้ชัวร์ คอนโดรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้เท่าไหร่
ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี ควรสอบถามผู้ขายว่าคอนโดรองรับแผ่นดินไหวได้ในระดับใด โดยเฉพาะความสามารถในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนเทียบเท่ากับแผ่นดินไหวขนาดกี่ริกเตอร์ และคอนโดมีการออกแบบพิเศษเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนอย่างไรบ้าง เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยระยะยาว
2. เลือกคอนโดที่มีแผนตรวจสอบโครงสร้างเป็นประจำ
การเลือกคอนโดรองรับแผ่นดินไหวได้ดี ไม่ใช่แค่ดูมาตรฐานตอนสร้างเท่านั้น แต่ต้องมีการตรวจสอบโครงสร้างอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 5 ปี นอกจากนี้ ควรพิจารณาวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยเฉพาะความยืดหยุ่นและความเหนียวของโครงสร้าง ซึ่งจะช่วยให้อาคารรองรับแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เลือกโครงการที่มีแผนรับมือแผ่นดินไหว
ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี ควรเลือกโครงการที่มีแผนรับมือแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เช่น มีทางหนีไฟและจุดรวมพลที่ชัดเจน มีระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน และมีการซักซ้อมอพยพหนีภัย ที่สำคัญคือนิติบุคคลมีแนวทางช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยหลังเกิดเหตุที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
4 บทเรียนจากแผ่นดินไหวของนิติบุคคล
นิติบุคคลมีบทบาทสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้ผู้อยู่อาศัยในคอนโด บทเรียนจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่านิติบุคคลควรมีมาตรการและแผนรับมือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. การซ้อมแผนรับมือแผ่นดินไหว
นิติบุคคลของคอนโดที่รองรับแผ่นดินไหวได้ดี ควรจัดให้มีการซ้อมอพยพกรณีแผ่นดินไหวอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะวิธีการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวต่างจากไฟไหม้ โดยต้องให้ลูกบ้านเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เช่น การหมอบลง ป้องกันศีรษะ และหาที่กำบังที่มั่นคง รวมถึงการใช้เส้นทางอพยพที่ปลอดภัย
2. ระบบแจ้งเตือนลูกบ้าน
ระบบแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญในการรับมือแผ่นดินไหว นิติบุคคลของคอนโดที่มีโครงสร้างรองรับแผ่นดินไหวควรพัฒนาระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการส่ง SMS การแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน หรือสัญญาณเตือนในตัวอาคาร เพื่อให้ทุกคนรับรู้และอพยพได้ทันเวลา
3. การช่วยเหลือลูกบ้านกรณีห้องพักได้รับความเสียหาย
นิติบุคคลของบ้านรองรับแผ่นดินไหวหรือคอนโดที่ดี ควรมีแผนช่วยเหลือลูกบ้านกรณีห้องพักเสียหาย เช่น การจัดหาพื้นที่พักชั่วคราว การประสานงานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อเร่งซ่อมแซม รวมถึงการประสานกับบริษัทประกันภัย เพื่อให้ลูกบ้านสามารถเคลมความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว
4. การตรวจสอบโครงสร้างอาคารเป็นประจำ
นิติบุคคลของคอนโดที่รองรับแผ่นดินไหวได้มาตรฐาน จำเป็นต้องจัดให้มีการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 5 ปี โดยวิศวกรโครงสร้างมืออาชีพ หากพบรอยร้าวที่ส่งผลต่อความมั่นคงของอาคาร ต้องรีบดำเนินการซ่อมแซมทันทีเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
หลังแผ่นดินไหว บ้านและคอนโดราคาจะแพงขึ้น แต่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว คาดว่าผู้บริโภคจะเผชิญกับราคาบ้านรองรับแผ่นดินไหวและคอนโดที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากมาตรฐานใหม่ โดยเฉพาะโครงการที่นำเทคโนโลยีจากประเทศที่มีประสบการณ์ด้านแผ่นดินไหวอย่างญี่ปุ่นมาปรับใช้ แม้ราคาจะแพงขึ้น แต่แลกกับความปลอดภัยที่มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อบ้านหรือคอนโดดีในอนาคตต้องชั่งน้ำหนัก
สรุปควรตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี

เลือกซื้อบ้านหรือคอนโดดีขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว สำหรับคนทำงานในเมืองที่ไม่มีรถส่วนตัว คอนโดอาจยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพียงแต่ต้องเลือกโครงการที่ได้มาตรฐานและมีแผนรับมือภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ และหากกำลังมองหาสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนคนไทยตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000