การส่งมอบมรดกที่ดินถือเป็นหนึ่งในการวางแผนครั้งสำคัญสำหรับครอบครัว เพื่อให้การส่งต่อทรัพย์สินที่มีค่าเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทายาท การเตรียมการที่ดีไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต การวางแผนมรดกอย่างรอบคอบจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งในบทความนี้มีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการอย่างคุ้มค่าที่สุด
ประเมินทรัพย์สินและหนี้
จุดเริ่มต้นของการวางแผนมรดกที่ดีคือการสำรวจและประเมินมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เราครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นมรดกบ้านที่ดิน เงินออม หรือการลงทุนต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการรวบรวมภาระหนี้สินที่มีอยู่ การจัดทำบัญชีรายการเหล่านี้ให้ชัดเจน จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมทางการเงินทั้งหมด และยังเป็นข้อมูลสำคัญให้คนในครอบครัวสามารถบริหารจัดการและจัดสรรทรัพย์สินมรดกได้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใสในอนาคต
วางแผนภาษีมรดก
ภาษีถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักในการโอนมรดกซึ่งเราสามารถวางแผนเพื่อลดภาระส่วนนี้ได้ โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้รับมรดกที่เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานต้องเสียภาษี 5% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ขณะที่ทายาทลำดับอื่นจะเสียภาษี 10%
การทำพินัยกรรม
การทำพินัยกรรมคือหัวใจสำคัญของการวางแผนมรดกที่ช่วยให้เราสามารถกำหนดเจตนาได้อย่างชัดเจนว่าจะจัดสรรทรัพย์สินให้แก่ผู้ใด ในสัดส่วนเท่าไหร่ หากไม่มีพินัยกรรม ทรัพย์สินจะถูกแบ่งให้แก่ทายาทโดยธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของเรา การจัดทำพินัยกรรมให้ถูกต้องตามแบบของกฎหมายจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันข้อพิพาทและสร้างความชัดเจนในการโอนมรดกได้ดีที่สุด
การจัดการหนี้สิน
ภาระหนี้สินถือเป็นส่วนหนึ่งของกองมรดกที่จะถูกส่งต่อไปยังทายาทพร้อมกับทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้ทายาทรับผิดชอบหนี้สินไม่เกินกว่ามูลค่าของมรดกที่ดินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับ การแจกแจงรายการหนี้สินทั้งหมดให้ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทายาทสามารถประเมินและตัดสินใจได้ว่าจะรับมรดกหรือไม่ หรือควรจะจัดการชำระหนี้สินนั้นอย่างไร เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระทางการเงินในภายหลัง
การโอนกรรมสิทธิ์ก่อนเสียชีวิต
การโอนกรรมสิทธิ์มรดกบ้านและที่ดินให้แก่ทายาทในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ หรือเรียกว่า “การให้โดยเสน่หา” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการส่งมอบทรัพย์สิน วิธีนี้มีข้อดีคือเราสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตนเอง แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอน ณ กรมที่ดิน ซึ่งประกอบด้วยค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และอากรแสตมป์ โดยอัตราค่าใช้จ่ายจะแตกต่างจากการโอนมรดกหลังเสียชีวิต จึงควรนำมาพิจารณาเปรียบเทียบเพื่อหาทางที่คุ้มค่าที่สุด
การตั้งผู้จัดการมรดก
ในกรณีที่กองมรดกมีความซับซ้อน หรือมีทายาทหลายคน การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อแต่งตั้งผู้จัดการมรดกถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้จัดการมรดกจะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการรวบรวมและดำเนินการจดทะเบียนโอนมรดกทั้งหมดให้แก่ทายาทตามสิทธิ์ การมีผู้จัดการมรดกจะช่วยให้กระบวนการจัดการมรดกที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ เป็นไปอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และลดโอกาสเกิดข้อขัดแย้งระหว่างทายาทได้อย่างมีนัยสำคัญ


สรุป มรดกที่ดิน
การวางแผนมรดกที่ดินให้คุ้มค่านั้นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การประเมินทรัพย์สินหนี้สิน การวางแผนภาษี การทำพินัยกรรมที่ชัดเจน ไปจนถึงการเลือกวิธีโอนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของครอบครัว การเตรียมการล่วงหน้าเป็นอย่างดีจะช่วยให้การส่งต่อมรดกบ้านและที่ดินเป็นไปอย่างราบรื่น คุ้มค่า และสืบสานความมั่นคงให้แก่คนรุ่นต่อไป สำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนทุกความต้องการเรื่องบ้านของคนไทย
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000