เคยสงสัยไหมว่าทำไมดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคารถึงน้อยกว่าที่คาดไว้? คำตอบคือ “ภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก” ที่ถูกหักไว้นั่นเอง บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการเสียภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝาก วิธีคำนวณ เกณฑ์ใหม่ล่าสุด การขอคืนภาษี รวมถึงวิธีการบริหารเงินออมให้ได้ประโยชน์สูงสุดและประหยัดภาษี
ชวนทำความรู้จักภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก

ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากคือภาษีที่เรียกเก็บจากรายได้ดอกเบี้ยที่เราได้รับจากการฝากเงินกับธนาคาร ทั้งบัญชีออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากประจำ โดยธนาคารจะทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% จากดอกเบี้ยก่อนโอนเข้าบัญชีของผู้ฝาก และนำส่งให้กรมสรรพากร นี่คือสาเหตุที่เราได้รับดอกเบี้ยน้อยกว่าอัตราที่ธนาคารประกาศไว้
เกณฑ์ภาษีใหม่ของดอกเบี้ยเงินฝาก
ปัจจุบัน มีเงินฝากเท่าไหร่ถึงเสียภาษี? กฎหมายกำหนดว่า หากได้รับดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์รวมทุกบัญชีทุกธนาคารในปีปฏิทินเดียวกัน (1 มกราคม – 31 ธันวาคม) เกินกว่า 20,000 บาท จะต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก 15% ตั้งแต่บาทแรก เช่น ถ้าได้รับดอกเบี้ย 20,100 บาท จะถูกหักภาษี 15% ของยอดทั้งหมด คือ 3,015 บาท ทำให้ได้รับดอกเบี้ยสุทธิ 17,085 บาท
วิธีการคิดภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก
การคำนวณภาษีดอกเบี้ยเงินฝากแตกต่างกันตามประเภทของบัญชี สำหรับเงินฝากประจำ จะถูกหักภาษี 15% ทันทีที่ได้รับดอกเบี้ย ยกตัวอย่างเช่น ฝากเงิน 100,000 บาท ในบัญชีฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 2% จะได้ดอกเบี้ย 2,000 บาท แต่ถูกหักภาษี 300 บาท ทำให้ได้รับดอกเบี้ยสุทธิเพียง 1,700 บาท หรืออัตราดอกเบี้ยจริงเพียง 1.7% ต่อปี
ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากสามารถขอคืนได้ไหม
หลายคนสงสัยว่า “ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากขอคืนได้ไหม” คำตอบคือ ขอคืนได้ในบางกรณี ได้แก่ ผู้ที่ไม่มีเงินได้หรือมีรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี และผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีในอัตราน้อยกว่า 15% (รายได้สุทธิไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี) วิธีการคือนำรายได้จากดอกเบี้ยไปรวมกับรายได้อื่นๆ เพื่อยื่นแบบ ภ.ง.ด.90
ภาษีดอกเบี้ยธนาคารที่ถูกยกเว้นการเรียกเก็บ
มีบัญชีเงินฝากบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ได้แก่ ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี บัญชีเงินฝากทวีทรัพย์ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากประจำระยะยาว (24 เดือนขึ้นไป) ที่ฝากต่อเนื่องทุกเดือน และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของ ธอส. ซึ่งผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยเต็มจำนวนโดยไม่ถูกหักภาษี
วิธีประหยัดภาษีที่คุณต้องรู้

การรู้จักวางแผนการออมและการลงทุนช่วยให้คุณประหยัดภาษีดอกเบี้ยเงินฝากได้ มาดูวิธีการที่น่าสนใจกัน:
1. เลือกใช้บัญชีเงินฝากที่มีความปลอดภัยสูง
การเลือกผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ได้รับการยกเว้นภาษีเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งนอกจากจะปลอดภัยเพราะเป็นสถาบันการเงินของรัฐแล้ว ยังมีข้อเด่นคือดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของ ธอส. ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
2. เลือกการลงทุนที่ไม่ถูกหักภาษี
นอกจากเงินฝาก การลงทุนในกองทุนรวมก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากผลตอบแทนในส่วนของส่วนต่างกำไร (Capital Gain) จากการขายหน่วยลงทุนไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งต่างจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องเสียภาษี 15% กองทุนที่น่าสนใจ เช่น กองทุน Term Fund ที่มีกำหนดระยะเวลาการลงทุนแน่นอน หรือกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ
ฝากเงินกับ ธอส. ไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร

ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากขอคืนได้ไหม เป็นคำถามที่หมดไปเมื่อคุณเลือกฝากเงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพราะบัญชีเงินฝากของ ธอส. มีข้อได้เปรียบด้านภาษี พร้อมความมั่นคงปลอดภัยในฐานะธนาคารของรัฐที่ดำเนินงานมากว่า 71 ปี
- เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม เปิดบัญชีขั้นต่ำเพียง 500 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการถอนเงิน ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันได้ และที่สำคัญคือ ดอกเบี้ยไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
- เงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ รับดอกเบี้ยพิเศษเพิ่ม 0.35% ต่อปี เป็นเวลา 12 เดือน ถอนได้เดือนละครั้ง เพิ่มความปลอดภัย และสำหรับบุคคลธรรมดาไม่ถูกหักภาษีดอกเบี้ย
ธอส. วันนี้ เพื่อรับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ปลอดภัย และไม่ต้องกังวลเรื่องมีเงินฝากเท่าไหร่ถึงเสียภาษี อีกต่อไป
หากคุณสนใจขอสินเชื่อบ้านจาก ธอส. สามารถทำการกรอกข้อมูล เพื่อขอคำแนะนำด้านสินเชื่อ และให้เจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อกลับ >>> ได้ที่นี่
หรือติดต่อได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center : 0-2645-9000 กด 5