ติดเครดิตบูโรกี่ปีหาย ติดแบล็คลิสต์ซื้อบ้านได้ไหม? ตอบกันชัด ๆ ในบทความนี้

/
/
ติดเครดิตบูโรกี่ปีหาย ติดแบล็คลิสต์ซื้อบ้านได้ไหม? ตอบกันชัด ๆ ในบทความนี้

“บ้าน” ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการที่ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้ได้นั้น ธนาคารจะต้องไว้วางใจในตัวผู้ยื่นกู้ว่าจะสามารถผ่อนชำระหนี้ได้จนหมด เพราะฉะนั้น นอกจากสถานะทางการเงินที่น่าเชื่อถือแล้ว ประวัติการผ่อนชำระหนี้ที่ดีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน 

แต่ในการชำระหนี้นั้นหลายๆ ครั้งก็เกิดเหตุขัดข้องต่างๆ ที่ทำให้ไม่สามารถใช้หนี้ต่อได้ จึงทำให้หลายๆ คน “ติดแบล็คลิสต์” จากทางสถาบันการเงิน แต่ถ้าเราติดแบล็คลิสต์แล้วเกิดอยากจะกู้ซื้อบ้านล่ะ … จะสามารถทำได้ไหม? มีวิธีการอย่างไรบ้าง? สามารถหาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย!

แก้ความเข้าใจผิด “แบล็คลิสต์” หมายความว่าอย่างไร!

ในขั้นตอนการยื่นเอกสาร ผู้ยื่นกู้จะต้องลงลายมือชื่อเพื่อยินยอมในการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ ที่ทาง เครดิตบูโร ทำการรวบรวมรักษาไว้ และส่งให้กับสถาบันทางการเงินต่างๆ เมื่อถูกขอข้อมูล 

เมื่อธนาคารพิจารณาและพบประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี หรือมีหนี้หลงเหลือค้างชำระ ธนาคารจึงไม่สามารถอนุมัติการยื่นกู้ได้นั่นเอง

เป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ผ่านการอนุมัติคิดว่าตัวเองถูกบันทึกชื่อในลงใน แบล็คลิสต์ นั่นเอง แต่ความจริงแล้วคำนี้เป็นเพียงคำที่คนพูดต่อๆ กันมา สิ่งที่ธนาคารทำมีเพียงแค่ตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรเพื่อนำมาพิจารณาเท่านั้น 

หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ แบล็คลิสต์ ก็คือ ผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี นั่นเอง

“เครดิตบูโร” คืออะไร?

“บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เครดิตบูโร” ทำหน้าที่ในการจัดการรวบรวมข้อมูลสินเชื่อ และประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทไว้ในระบบฐานข้อมูลของบริษัท และจะปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิตเมื่อมีผู้ประสงค์เรียกดูข้อมูล ประกอบไปด้วยข้อมูล 2 ส่วน คือ

ข้อมูลบ่งชี้ข้อมูลบ่งชี้คือ ข้อมูลที่บ่งบอกถึงสถานะลูกค้า หรือตัวบุคคล ได้แก่ ชื่อ – นามสกุล, ที่อยู่, เลขประจำตัวประชาชน และวันเดือนปีเกิด ส่วนกรณีที่เป็นนิติบุคคลจะเป็น ชื่อ สถานที่ตั้ง และเลขทะเบียนนิติบุคคล

ข้อมูลสินเชื่อคือ ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ, สถานะของบัญชี เช่น ปกติ พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้ รวมถึงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา เช่น การชำระที่ตรงเวลา หรือล่าช้า ผิดนัดชำระ

เพราะฉะนั้นธนาคารจึงสามารถตรวจสอบและพิจารณาเครดิตของผู้ยื่นกู้โดยละเอียดได้อย่างง่ายดาย ข้อมูลเหล่านี้เป็นที่แน่ชัด เมื่อธนาคารพบประวัติที่ไม่ดีก็สามารถเลือกที่จะไม่อนุมัติได้ทันที

รูปภายในบทความ ติดแบล็คลิสต์ซื้อบ้านได้ไหม

ติดแบล็คลิสต์แล้วซื้อบ้านได้ไหม?

อย่างที่ทราบกันดีว่าทางธนาคารจะประเมินประวัติทางการเงินของผู้ยื่นกู้ก่อนเสมอ ซึ่งถ้าประวัติของผู้ยื่นกู้มีปัญหา ธนาคารจะตีว่าเราไม่มีวินัยในการชำระหนี้สินมากพอ และยังไม่พร้อมสำหรับการกู้บ้านในครั้งนี้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้เราไม่ได้รับการอนุมัติ

หมายความว่าขณะที่คุณกำลัง “ติดแบล็คลิสต์” จะยังไม่สามารถกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านได้ … เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะทำให้สามารถมีโอกาสกู้ผ่านได้ คือต้อง จัดการหนี้เก่าให้หมด เสียก่อน 

3 วิธีจัดการสถานะเครดิตบูโรให้กลับมาปกติ

การติดเครดิตบูโรอาจทำให้หลายคนรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง แต่ความจริงแล้วสถานการณ์นี้สามารถแก้ไขและฟื้นฟูสถานะเครดิตของคุณให้กลับมาดีได้ การจัดการสถานะเครดิตบูโรให้กลับมาปกติเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเท แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับความพยายาม โดย 3 วิธีจัดการสถานะเครดิตบูโรให้กลับมาปกติ ได้แก่

1. ชำระหนี้ที่มีให้หมด

การจัดการสถานะเครดิตบูโรให้กลับมาปกติเริ่มต้นจากการชำระหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดให้หมด ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้ประเภทอื่น ๆ การชำระหนี้ให้หมดจะเป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูสถานะเครดิตของคุณ โดยควรจัดลำดับความสำคัญของหนี้ โดยเริ่มจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุด และพยายามเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอลดดอกเบี้ยหรือขอผ่อนผันการชำระหนี้ นอกจากนี้ การพิจารณารวมหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณา

2. สร้างสถานะเครดิตบูโรใหม่ให้ดี

หลังจากชำระหนี้เดิมหมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างประวัติเครดิตใหม่ให้ดี โดยอาจเริ่มจากการขอบัตรเครดิตวงเงินต่ำและใช้อย่างรับผิดชอบ ชำระค่าสาธารณูปโภคตรงเวลาทุกเดือน และพิจารณาสินเชื่อขนาดเล็กเพื่อสร้างประวัติการผ่อนชำระที่ดี

3. รอระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด

แม้ว่าคุณจะชำระหนี้หมดและเริ่มสร้างประวัติเครดิตใหม่แล้ว แต่ธนาคารส่วนใหญ่ยังคงต้องการเห็นประวัติการชำระเงินที่ดีต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร โดยทั่วไปอาจอยู่ที่ 6 เดือนถึง 2 ปี

เคลียร์หนี้ทั้งหมดแล้วกู้ซื้อได้ทันทีเลยหรือไม่?

แม้ว่าจะสามารถชำระหนี้สินค้างชำระได้ทั้งหมดแล้ว ประวัติเสียของคุณก็จะยังคงอยู่ในระบบต่อไปอีก 2 ปี ข้อมูลการชำระหนี้ที่ไม่ดีของคุณจึงจะหายไป โดยระหว่างนี้ให้คุณเพิ่มความน่าเชื่อถือของประวัติทางการเงินให้ดูดียิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการกู้ ดังนี้ 

  • เดินบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ มีรายการเงินเข้าเงินออกเป็นประจำ 
  • ปิดบัญชีบัตรเครดิตต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ เพื่อให้เห็นถึงวินัยในการใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น 
  • มีเงินเก็บภายในบัญชีมากระดับหนึ่ง
  • รักษาประวัติการผ่อนชำระรายการอื่นๆ ที่ยังมีอยู่ให้สม่ำเสมอ

หากคุณสามารถทำตามวิธีการดังกล่าวได้ ธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีวินัยในการใช้เงินที่ดีขึ้นกว่าเดิม และมีความน่าเชื่อถือเพียงพอที่จะรับผิดชอบสินเชื่อนี้ได้

สรุป

โดยรวมแล้ว … คนที่มีเครดิตการชำระหนี้แย่นั้น เกิดจากการกู้หนี้ที่เกินตัว โดยไม่คำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี จนสุดท้ายไม่สามารถจ่ายไหว ต้องปล่อยทิ้งไว้กลายเป็นหนี้เสีย … จึงเป็นเหตุผลที่ควรกู้เงินในขอบเขตที่เราผ่อนชำระไหว การเลือกกู้กับธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำจึงเป็นอีกตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยลดภาระของเราลง

หากคุณกำลังมองหาธนาคารที่มีสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ ธอส. พร้อมให้คำปรึกษา เราเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะ มีแนวทางการกู้ที่เหมาะสมสำหรับคนทุกกลุ่มเพื่อการมีบ้านในฝันของคุณ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน