ทางออกของคน (อยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงิน)

/
/
ทางออกของคน (อยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงิน)

สำหรับคนอยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงิน จริงๆแล้วการสร้างบ้านหลังหนึ่งสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเท่ามูลค่าของบ้าน

สำหรับคนอยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงิน จริงๆแล้วการสร้างบ้านหลังหนึ่งสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเท่ามูลค่าของบ้าน

สำหรับบางคนแล้ว เมื่อต้องการมีบ้านซึ่งเป็นสถานที่ที่จะได้อยู่อาศัยไปอีกนาน หลายคนจึงอยาก ‘เลือก’ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทำเล สภาพแวดล้อม และสไตล์บ้าน เพื่อให้ภาพบ้านในฝันเป็นจริง แต่ความใฝ่ฝันทั้งหมดนั้นจะเป็นจริงไม่ได้ถ้าหากมีกำลังเงินไม่เพียงพอ ซึ่งนั่นอาจหมายถึง อยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงินออมไว้สำหรับการสร้างบ้านมาก่อนเลย

โชคดีที่การสร้างบ้านหลังหนึ่งสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเท่ามูลค่าของบ้าน เพราะสถาบันการเงินหลายแห่งก็มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้กู้ เพื่อให้ความฝันของเราเป็นจริงเร็วยิ่งขึ้น และไม่เสียโอกาสจากค่าวัสดุก่อสร้างในปัจจุบันที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทุกปี สินเชื่อบ้านจึงถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่อยากมีบ้านแต่ไม่มีเงินเพียงพอ แต่อาจจะมีที่ดินของตัวเองอยู่แล้ว ทางเลือกนี้ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียง 3 ขั้นตอนต่อไปนี้ก็สามารถทำให้คุณสร้างบ้านได้อย่างใจ

3 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับคนอยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงิน

1. ตรวจสอบสภาวะการเงินและประเมินวงเงินที่สามารถกู้ได้

ขั้นตอนแรกสู่บ้านในฝัน คือ การตรวจสอบความพร้อมสถาวะการเงินของคุณและประเมินว่าคุณสามารถกู้สินเชื่อได้ในวงเงินเท่าไร แม้ว่าในการเริ่มต้นสร้างบ้านอาจจะไม่ต้องมีเงินสดมากมาย แต่ถ้าหากคุณยังมีหนี้สินอื่นๆ ที่ต้องผ่อนอยู่ การขอสินเชื่อก็จะเป็นไปได้ยากขึ้นและคุณจะมีภาระผ่อนต่อเดือนมากจนเกินไป อีกทั้ง ถ้าหากไม่มีเงินต้นสำหรับการก่อสร้างครั้งแรก การดำเนินงานจะเป็นไปได้ลำบากขึ้น

ตรวจสอบความสามารถในการกู้

การตรวจสอบความพร้อมทางการเงินมีความสำคัญช่วยให้คุณทราบว่าคุณมีความสามารถในการผ่อนได้มากเท่าไรขึ้นอยู่กับอาชีพและความมั่นคงของรายได้ ซึ่งโดยทั่วไป หลักการผ่อนที่ปลอดภัยต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน เพราะถ้าหากต้องผ่อนมากไปกว่านี้ สภาพคล่องตัวในการใช้จ่ายจะลดลงทำให้คุณใช้จ่ายลำบาก และอย่าลืมว่าภาระผ่อน 40% ของรายได้นี้ คือ ภาระผ่อนหนี้สินทั้งหมดทั้งบัตรเครดิต รถยนต์ และอื่นๆ

ยกตัวอย่างเช่น

นาย A มีรายได้ 15,000 บาท/เดือน

ความสามารถในการผ่อนของเขาจะอยู่ที่ 15,000 x 40% = 6,000 บาท/เดือน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถลองคำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนกับวงเงินที่คุณอยากกู้ดูก่อนเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับความสามารถในการกู้ของคุณว่า ควรจะยื่นกู้เท่าไร

ประเมินวงเงินที่สามารถกู้ได้

เมื่อคุณได้ตัวเลขสำหรับการผ่อนต่อเดือนมาแล้ว คุณก็สามารถหาวงเงินโดยประมาณที่ธนาคารสามารถให้คุณได้ ซึ่งช่วยให้คุณประเมินงบประมาณสำหรับสร้างบ้านได้อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น วิธีการประเมินจะคำนวณกับอัตราส่วนของเงินผ่อนชำระต่องวดของธนาคารโดยประมาณคือ เงินงวด 7,000 บาท ต่อวงเงินกู้ 1,000,000 บาท มีสูตรดังนี้

(ความสามารถในการกู้ x 1,000,000) / 7,000 = วงเงินที่กู้ได้

ยกตัวอย่างเช่น

นาย A มีรายได้ 15,000 บาท  
วงเงินที่สามารถกู้ได้ของเขา คือ (6,000 x 1,000,000) / 7,000 = 857,142 บาท

ตัวเลขวงเงินที่คุณได้มาก็คืองบประมาณที่เหมาะสมโดยประมาณสำหรับการกู้สินเชื่อสร้างบ้าน และเมื่อทราบเช่นนี้แล้ว คุณก็สามารถดำเนินการวางแผนสร้างบ้านได้ทันที โดยเริ่มหาแบบบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยดาวน์โหลดแบบบ้านฟรีได้ที่โครงการ”บ้านรักษ์โลก”ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่อยู่ในวงเงินก่อนได้

ตรียมเงินสำหรับสร้างบ้านงวดแรก

โดยทั่วไป ธนาคารจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ถ้าสิ่งปลูกสร้างยังดำเนินงานไปไม่ถึง 20% เพราะธนาคารถือว่ามีความเสี่ยงที่ผู้ขอสินเชื่อจะนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือกระทั่งผู้รับเหมาจะทิ้งงาน ทำให้ธนาคารเสียผลประโยชน์ ดังนั้น จำนวนเงินที่คุณควรเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนขอกู้จึงเท่ากับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้านจริง 20% หรือค่าใช้จ่ายงวดแรกซึ่งต้องปรึกษากับผู้รับเหมา

ยกตัวอย่างรายการประมาณราคาก่อสร้างที่ผู้รับเหมาประเมิน
ตัวอย่างรายการประมาณราคาก่อสร้าง01

จากตัวอย่างค่าใช้จ่ายข้างต้น คุณจะต้องมีเงินเพื่อใช้ก่อสร้างในงวดแรกเองก่อน 130,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้นธนาคารถึงจะจ่ายเงินสำหรับงวดแรกให้เรา ทั้งนี้ ตัวอย่างนี้เป็นเพียงการประเมินโดยคร่าวๆ และการประเมินค่าใช้จ่ายจริงเป็นงวดต้องยื่นให้ธนาคารก่อนเพื่อที่ธนาคารจะได้ปรับเป็นงวดให้เหมาะสมที่สุด

* ตัวอย่างรายการประมาณราคาก่อสร้างแบบละเอียดมีเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต

2. เตรียมเอกสารยื่นกู้สินเชื่อให้พร้อม

เมื่อคุณทราบแล้วว่าคุณควรสร้างบ้านโดยใช้งบประมาณเท่าไร และได้หาผู้รับเหมาไว้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือ การเตรียมเอกสารสำหรับขอกู้สินเชื่อกับธนาคาร สิ่งที่คุณต้องเตรียม มีดังนี้

เอกสารส่วนบุคคล

  • บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรรัฐวิสาหกิจ
  • ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
  • สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – สกุล
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)

เอกสารทางการเงิน

พนักงานประจำ

  • ใบรับรองเงินเดือน
  • สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีอาชีพประจำ)

ผู้ประกอบอาชีพอิสระ

  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน/หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
  • สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วน
  • หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
  • รูปถ่ายกิจการ
  • สำเนาใบประกอบวิชาชีพ

เอกสารหลักประกัน

  • สำเนาจะซื้อจะขาย / สัญญาวางมัดจำ / สัญญาเช่าซื้อการเคหะฯ และหนังสือรับรองยอดคงเหลือ
  • หลักฐานการเป็นเจ้าของอาคาร
  • สำเนาโฉนดที่ดิน/นส.3ก /หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด/อช.2 ทุกหน้า
  • ใบอนุญาตปลูกสร้าง / ต่อเติม
  • แบบแปลน
  • ใบประมาณการปลูกสร้าง / สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง

* เอกสารหลักประกันหลายชุดมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย เช่น ค่าออกแบบแปลนบ้านคิดไม่เกิน 2-5% ของมูลค่าบ้าน เป็นต้น  

3. เลือกสถาบันการเงินที่เหมาะสม

แล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย เป็นขั้นตอนที่เหมือนประตูบานสุดท้ายก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างบ้าน นั่นคือ การเลือกสถาบันการเงินที่คุณจะขอสินเชื่อ โดยหลักในการเลือกสถาบันการเงินก็มีข้อควรพิจารณาอยู่เล็กน้อย เพื่อว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุด

เลือกสถาบันการเงินที่ให้วงเงินได้ตามต้องการ

สถาบันการเงินโดยทั่วไปจะให้วงเงินสำหรับการสร้างบ้าน 100% เต็ม ของสัญญาว่าจ้างปลูกสร้าง ในกรณีที่คุณมีที่ดินอยู่แล้วหรือเจ้าของที่ดินเป็นผู้กู้ร่วม แต่ถ้าหากไม่มีที่ดิน แล้วต้องการยื่นกู้ซื้อที่ดินและปลูกสร้าง ธนาคารจะให้วงเงินเพียง 70-90% ของราคาประเมินรวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้คุณต้องสำรองเงินสำหรับซื้อที่ดินและงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก 10-30% ทั้งนี้ บางธนาคารก็ให้คุณวางหลักประกันเพิ่มเติมเพื่อให้ขอวงเงินสินเชื่อได้มากขึ้น หรือบางทีธนาคารอาจทำสัญญาร่วมกับองค์กรของคุณเพื่อปล่อยสินเชื่อ 100%

เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย

อีกข้อที่ผู้ขอสินเชื่อทุกคนจะทำ คือ การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของแต่ละธนาคารว่าที่ไหนให้เราจ่ายน้อยที่สุด โดยหลักการเปรียบเทียบนั้นควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย 3-5 ปี ตามที่ธนาคารส่วนมากให้สามารถรีไฟแนนซ์ได้

ยกตัวอย่างเช่น ธนาคาร A มีอัตราดอกเบี้ย 3 ปี คือ 6.5 + 7 + 7.5 = 7% ส่วนธนาคาร B มีอัตราดอกเบี้ย 3 ปี คือ 7.5 + 5 + 6.5 = 6.3% จะเห็นได้ว่า ธนาคาร B ให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก ธนาคารจะคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่หรือดอกเบี้ยที่ไม่ปรับตัวตามตลาดการเงิน คุณสามารถเข้าไปศึกษาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้เพื่อให้การตัดสินใจของคุณคุ้มค่าขึ้น   

เลือกสถาบันการเงินที่มีบัญชีอยู่แล้ว

เกณฑ์ในการเลือกสถาบันการเงินขอนี้เป็นข้อที่หลายคนมักจะไม่พิจารณา ซึ่งจริงๆ แล้วอาจให้สิทธิประโยชน์กับคุณได้มากกว่าที่อื่นๆ เช่น ลดขั้นตอนในการยื่นหลักฐานการเงิน ความคล่องตัวในการประเมินสิ่งปลูกสร้าง หรือวงเงินและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่แล้วอาจเสนอให้คุณ

สรุป

ความฝันจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อลงมือทำ แม้วันนี้จะยังไม่เห็นทาง แต่ทุกปัญหามีทางออก เช่นเดียวกับบ้านในฝันของคุณ หากคุณไม่มีเงินแต่อยากสร้างบ้าน ขั้นตอนทั้ง 3 ข้อเกี่ยวกับการกู้สินเชื่อสร้างบ้านสำหรับคนที่ไม่มีเงินออม บทความนี้ ก็น่าจะเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยให้คุณเดินตามความฝันสร้างบ้านต่อไปได้

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับการมีบ้าน

คำถามที่พบบ่อย

สามารถกู้เงินซื้อที่ดินได้ไหม

สามารถกู้เงินซื้อที่ดินได้ แต่มีเงื่อนไขและข้อจำกัดมากกว่าการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เป็นที่ดินเปล่าที่ไม่มีแผนการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน

กู้ซื้อที่ดินเปล่าได้กี่เปอร์เซ็นต์

โดยทั่วไป ธนาคารมักจะให้วงเงินกู้สำหรับที่ดินเปล่าประมาณ 50-70% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย ซึ่งน้อยกว่าการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่อาจได้ถึง 90-95% ทั้งนี้ เปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น นโยบายของแต่ละธนาคาร ประเภทและทำเลที่ตั้งของที่ดิน วัตถุประสงค์ในการใช้ที่ดิน และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้

จะซื้อที่ดินต้องตรวจสอบอะไรบ้าง

การซื้อที่ดินเป็นการลงทุนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อด้วยเงินสดหรือการกู้เงินซื้อที่ดิน การตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนซื้อที่ดิน ได้แก่

  • ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์
  • ตรวจสอบสภาพที่ดิน
  • ตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับ
  • ตรวจสอบราคาตลาด
  • ตรวจสอบแผนพัฒนาในอนาคต

กู้ซื้อที่ดินเปล่าใช้เอกสารอะไรบ้าง

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการกู้เงินซื้อที่ดิน ได้แก่ 

เอกสารส่วนตัว 

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาใบหย่า (กรณีหย่าร้าง)

เอกสารทางการเงิน

  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
  • หนังสือรับรองการทำงานและเงินเดือน
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
  • เอกสารแสดงรายได้อื่นๆ (ถ้ามี) เช่น สัญญาเช่า ใบเสร็จรับเงินค่าเช่า
  • แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ 91)
  • ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (สำหรับอาชีพอิสระ)

เอกสารเกี่ยวกับที่ดิน

  • สำเนาโฉนดที่ดิน หรือ นส.3ก
  • สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน
  • แผนที่ที่ตั้งที่ดิน
  • ภาพถ่ายที่ดิน

เอกสารแสดงวัตถุประสงค์การใช้ที่ดิน (ถ้ามี)

  • แบบแปลนบ้าน (กรณีกู้เพื่อซื้อที่ดินและปลูกสร้างบ้าน)
  • แผนธุรกิจ (กรณีกู้เพื่อใช้ที่ดินในการประกอบธุรกิจ)
  • ใบอนุญาตก่อสร้าง (ถ้ามี)

ค่าโอนที่ดินเปล่าคิดอย่างไร

ค่าธรรมเนียมโอนที่ดินหรือที่เรียกว่าค่าโอนที่ดิน เป็นค่าใช้จ่ายหลักในการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งปกติจะคิดในอัตรา 2% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย โดยใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นฐานในการคำนวณ ยกตัวอย่างเช่น หากราคาประเมินที่ดินอยู่ที่ 5,000,000 บาท แต่ราคาซื้อขายจริงคือ 5,500,000 บาท ค่าธรรมเนียมในการโอนจะคำนวณจาก 5,500,000 x 2% = 110,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 รัฐบาลได้ออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนสำหรับที่อยู่อาศัยบางประเภท โดยลดจาก 2% เหลือเพียง 0.01% สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ หรือห้องชุดที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บริการของเรา

สนใจผลิตภัณฑ์ธนาคาร

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน