ออมเงินแบบไหนดี? เลือกออมในรูปแบบที่ใช่กับคุณ

/
/
ออมเงินแบบไหนดี? เลือกออมในรูปแบบที่ใช่กับคุณ

ออมเงินแบบไหนดี ให้ดูที่วัตถุประสงค์ในการออมเงิน ซึ่งควรศึกษาผลิตภัณฑ์เงินออมจนเข้าใจ เราจึงจะทราบได้ว่า รูปแบบการออมแบบใดเหมาะกับเรา

เพราะทุกวันนี้ มีผลิตภัณฑ์การเงินออกมาหลากหลายรูปแบบให้เราเลือกลงทุน แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์เงินฝากพื้นฐานๆ อย่างเงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์ก็ยังมีรูปแบบแตกย่อยลงไปอีก รวมทั้งผลิตภัณฑ์การเงินในรูปแบบอื่น เช่น สลากออมทรัพย์ กองทุน-หุ้น ฯลฯ ก็มีให้เราเลือกออม

คำถามที่ว่า ออมเงินแบบไหนดี เก็บเงินแบบไหนดี หรือเก็บเงินยังไงให้อยู่ แล้วเราจะเลือกออมอย่างไร นั้น ให้ดูที่วัตถุประสงค์ในการออมเงินของเรา ซึ่งต้องมาจากการศึกษาผลิตภัณฑ์เงินออมจนเข้าใจ เราจึงจะทราบได้ว่า รูปแบบการออมแบบใดเหมาะกับเรา

การออมเงินคืออะไร

การออมเงิน คือ การเก็บสะสมเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ไว้ใช้ในอนาคต โดยไม่นำไปใช้จ่ายในปัจจุบัน การออมเงินเป็นพื้นฐานสำคัญของการวางแผนการเงินที่ดี ช่วยให้เรามีความมั่นคงทางการเงินและสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้

ข้อดีของการออมเงิน

  • สร้างความมั่นคงทางการเงิน การมีเงินออมช่วยให้เรามีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินหรือยามจำเป็น
  • บรรลุเป้าหมายทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือเก็บเงินเพื่อการเกษียณ การออมช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้
  • ลดความเครียดทางการเงิน การมีเงินออมช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในอนาคต
  • สร้างโอกาสในการลงทุน เงินออมสามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นผ่านการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
  • สร้างวินัยทางการเงิน การออมเงินอย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างนิสัยการใช้จ่ายอย่างมีวินัยและรู้จักควบคุมค่าใช้จ่าย

ออมเงินแบบไหนดี? เก็บเงินอยู่หมัด และได้ผลจริง

รูปแบบการเงินต่าง ๆ ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ถ้าหากเรารู้จักผลิตภัณฑ์การเงินต่าง ๆ ดี รู้ว่าข้อดีและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นคืออะไร เราก็จะสามารถพิจารณาได้ว่า เราควรเลือกลงทุนหรือออมเงินในรูปแบบไหน

แต่ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นนั้นได้ เราก็ต้องรู้ก่อนว่า เป้าหมายทางการเงินของเราคืออะไร และประเมินตัวเองก่อนว่า ความเสี่ยงที่เรารับได้นั้นสูงแค่ไหน มาดูกันว่าขั้นตอนและวิธีการเก็บเงินให้อยู่อย่างมีประสิทธิภาพ มีอะไรบ้าง

1. ตั้งเป้าหมายทางการเงิน

การตั้งเป้าหมายทางการเงินมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร เราก็จะไม่รู้ว่าควรใช้เครื่องมือแบบไหน ลองลิสต์เป้าหมายในชีวิตของคุณออกมา แล้วนำมาแปลงเป็นเป้าหมายทางการเงินดูก่อน จากนั้น ก็ค่อยจัดลำดับความสำคัญ ว่าเป้าหมายใดสำคัญกว่า ต้องสำเร็จก่อน

ยกตัวอย่างเช่น “ต้องการซื้อบ้านเป็นของตัวเองในอีก 3 ปี ข้างหน้า” ก็ดูว่าต้องใช้เงินเท่าไร นั่นก็คือเป้าหมายของเรา ทั้งนี้ แนะนำว่า ให้แปลงเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายเล็กๆ เช่น 1 ปี ต้องเก็บเงินได้เท่าไร หรือต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไรจึงจะบรรลุเป้าหมายได้ในระยะเวลาที่ตั้งใจ (Time bound) จากนั้นเราจึงไปเลือกกูว่า การออมแบบไหนน่าจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้

2. สำรวจความเสี่ยงทางการเงิน

นอกจาก “เป้าหมาย” ที่เรามองไปข้างหน้าแล้ว ต้องอย่าลืม กลับมาสำรวจ “ความเสี่ยง” ว่าเรารับได้มากน้อยแค่ไหน เพราะผลิตภัณฑ์การเงินที่เราเลือกจะช่วยขับเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมายแต่ละรูปแบบ ก็มีความเสี่ยงสูงต่ำแตกต่างกันไป

เมื่อคิดว่าจะออมเงินแบบไหนดีที่ตอบเป้าหมายทางการเงินของเราได้ ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และประเมินเป้าหมายดูว่า สามารถรับความเสี่ยงขาดทุนได้หรือไม่ และแค่ไหน ซึ่งเราจะได้พูดถึงอีกที ในรูปแบบการออมแต่ละประเภท

3. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย

การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายและวางแผนการออม โดยจดบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการเงินและสามารถระบุค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายการออมที่เหมาะสมกับรายได้และค่าใช้จ่ายของคุณได้

4. แบ่งเงินเป็นสัดส่วน

หลังจากที่ทราบรายรับ-รายจ่ายแล้ว ให้แบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนต่าง ๆ เช่น 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น (ค่าเช่า ค่าอาหาร ค่าน้ำ-ไฟ) 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว (ความบันเทิง การท่องเที่ยว) หรือ 20% สำหรับการออมและการลงทุน โดยสัดส่วนนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับสถานะทางการเงินของแต่ละคน

5. ออมเงินเก็บแล้วค่อยใช้

ให้ออมเงินเก็บแล้วค่อยใช้ เพราะแทนที่จะรอดูว่าสิ้นเดือนแล้วมีเงินเหลือเท่าไหร่แล้วค่อยเก็บ ให้เปลี่ยนเป็นการหักเงินออมออกมาก่อนทันทีที่ได้รับเงินเดือน วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีวินัยในการออมมากขึ้น และป้องกันการใช้จ่ายที่เกินตัว

6. หยุดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

พิจารณาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เช่น การสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิงที่ไม่ได้ใช้ การซื้อของฟุ่มเฟือย หรือการทานอาหารนอกบ้านบ่อยเกินไป การลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเงินเหลือสำหรับการออมมากขึ้น

รู้จักการออมในรูปแบบต่างๆ เลือกออมให้เหมาะกับคุณ

หลังจากที่ได้รู้วิธีการเก็บเงินให้อยู่อย่างมีประสิทธิภาพกันไปแล้ว และเมื่อคุณมีแผนการออมที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปคือการเลือกวิธีการออมที่เหมาะสมกับคุณ มาดูกันว่ารูปแบบการออมที่น่าสนใจมีแบบไหนบ้าง

เงินฝากประจำ

เงินฝากประจำ เป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่ออกแบบมาเพื่อการเก็บเงินโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับสร้างวินัยทางการออมให้กับเรา เพราะเงิน “ฝากประจำ” กำหนดระยะเวลาในการฝาก หรือห้ามถอนเงินในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 6 เดือน 12 เดือน หรือมากกว่านั้น ซึ่งถือเป็นข้อดีมากๆ สำหรับเป้าหมายเก็บเงิน นอกจากนี้ ยังให้ดอกเบี้ยสูงกว่าผลิตภัณฑ์เงินฝากตัวอื่นอีกด้วย

  • มีกำหนดระยะเวลาในการถอนเงิน
  • ดอกเบี้ยสูงกว่าผลิตภัณฑ์การออมอื่นๆ
  • ความเสี่ยงต่ำมาก

เป้าหมายการเงินที่เหมาะกับเงินฝากประจำ

  • เหมาะสำหรับเก็บเงินโดยเฉพาะ และไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก่อนกำหนดระยะเวลาฝาก
  • เหมาะสำหรับใช้สร้างวินัยทางการเงิน
  • เหมาะสำหรับเป้าหมายระยะยาวที่มีเวลาในการใช้เงินแน่นอน 1 – 3 ปี ข้างหน้า เช่น เก็บเงินซื้อบ้าน เก็บเงินเรียนต่อ เป็นต้น

ทั้งนี้ เงินฝากประจำก็มีรูปแบบที่ออกแบบมาหลากหลายขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ฝาก ซึ่งความแตกต่างก็จะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยตอบแทนและระยะเวลาฝาก

เลือกดูผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำรูปแบบต่างๆ

เงินฝากออมทรัพย์

เชื่อว่า ทุกๆ คนน่าจะมีเงินฝากออมทรัพย์กันอยู่แล้ว ด้วยลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทนี้ คือ สามารถฝาก-ถอน หรือโอนเงินได้ตลอดเวลา มีบัตรกดเงิน สะดวกในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินฝากประเภทนี้จึงเปรียบเสมือน “กระเป๋าสตางค์” ที่เอาไว้เก็บเงินใช้จ่ายของเรา 

ด้วยลักษณะเด่นข้างต้น เงินฝากออมทรัพย์จึงไม่นิยมนำมาเก็บเงินสำหรับเป้าหมายในระยะยาว อีกทั้ง ยังได้ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ 

  • ฝาก-ถอน และโอนได้ตลอดเวลา
  • มีบัตรกดเงิน
  • ความเสี่ยงต่ำ
  • ดอกเบี้ยต่ำ
  • เอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เป้าหมายการเงินที่เหมาะกับเงินฝากประจำ

  • เป้าหมายเก็บเงินเผื่อฉุกเฉิน เพราะสามารถถอนเงินมาใช้ได้ตลอดเวลา
  • เป้าหมายเก็บเงินระยะสั้น เช่น เก็บเงินซื้อของ เก็บเงินท่องเที่ยวทริปประหยัด เป็นต้น

การเก็บเงินให้เงินฝากออมทรัพย์มักจะไม่ได้ผลตอบแทนเลย แต่ข้อดี คือ การที่เราสามารถนำเงินออกมาใช้ได้ทันที นอกจากนี้ ยังไม่ค่อยมีความเสี่ยง เพียงแต่ว่าถ้าต้องการใช้เงินฝากออมทรัพย์ในการเก็บเงิน ควรเปิดบัญชีแยกกับบัญชีที่เอาไว้ใช้จ่ายประจำ

นอกจากนี้ เงินฝากออมทรัพย์ยังมีรูปแบบที่ออกแบบมาหลากหลาย เช่น ออมทรัพย์ดอกเบี้ยพิเศษที่มีเงื่อนไขในการถอน คือ ถอนได้เดือนละครั้ง (ตัวนี้แนะนำให้ใช้เก็บเงินเผื่อฉุกเฉิน) หรือเงินฝากออมทรัพย์เพื่อวัตถุประงสงค์เฉพาะ เช่น เพื่อชำระสินเชื่อบ้าน ฯลฯ 

เลือกดูผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ที่เหมาะกับคุณ

รูปภายในบทความ ออมเงินแบบไหนดี

สลากออมทรัพย์

สลากออมทรัพย์ เป็นอีกผลิตภัณฑ์การเงินที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะความเสี่ยงต่ำ แต่ยังได้ลุ้นรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประเภทอื่นๆ หลายเท่าตัว

สำหรับสลากออมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผสมผสานระหว่างการออมและการลุ้นรางวัล โดยผู้ซื้อจะได้รับดอกเบี้ยตามที่กำหนด และมีโอกาสถูกรางวัลเงินสด โดยมีข้อดีในการได้รับโอกาสได้รับเงินรางวัลนอกเหนือจากดอกเบี้ย มีเงินต้นปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้นและการลุ้นรางวัล

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ คล้ายๆ เงินฝากประจำตรงที่เมื่อซื้อหน่วยลงทุนแล้ว จะไม่สามารถขายแลกเป็นเงินสดได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากต้องการขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนด มูลค่าของหน่วยลงทุนจะลดลง

  • มีกำหนดระยะเวลาในการขายหน่วยลงทุนคืน
  • ลุ้นผลตอบแทนที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์เงินฝาก
  • ความเสี่ยงต่ำ
  • อาจมีขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน

เป้าหมายการเงินที่เหมาะกับเงินฝากประจำ

  • เหมาะสำหรับเป้าหมายเก็บเงินก้อนใหญ่และเป็นเป้าหมายในระยะยาว
  • เหมาะสำหรับเก็บเงินเกษียณ เก็บเงินยาวๆ เพื่อลุ้นทำกำไร

เงินที่จะนำมาเก็บไว้ในรูปแบบของสลากออมทรัพย์ควรเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินที่อาจจำเป็นต้องใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น เพราะมีเกณฑ์ขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน หากคุณมีเงินก้อนที่ไม่รู้จะนำไปลงทุนกับอะไร สลากออมทรัพย์คือผลิตภัณฑ์การเงินที่ให้คุณได้ลุ้นผลตอบแทนสูง (เหมือนสลากกินแบ่ง) ในความเสี่ยงที่ต่ำ (เหมือนเงินฝากประจำ)

ออมในกองทุน/หุ้น

กองทุนและหุ้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากๆ เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าเงินฝากหลายเปอร์เซ็นต์ อีกทั้ง ยังมีกองทุนและหุ้นหลากหลายตัวที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถจัดพอร์ตหรือวางแผนการออมเงินในกองทุนและหุ้นได้

สำหรับกองทุนจะมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องดูแลจัดการเอง เพราะจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลพอร์ตให้ เพียงแต่ว่าเราอาจต้องเลือกดีๆ ก่อน และดูความผันผวนเป็นระยะๆ ส่วนหุ้นนั้นจะต้องดูแลเอง คอยติดตาม ต้องศึกษาอย่างรอบคอบ

  • ผลตอบแทบสูง
  • ความเสี่ยงค่อนข้างสูง – สูงมาก และมีความผันผวน
  • อาจมีขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน

เป้าหมายการเงินที่เหมาะกับกองทุนและหุ้น

  • เหมาะสำหรับใช้สร้างรายได้ และการออมที่สามารถรับความเสี่ยงได้
  • เหมาะสำหรับออมเกษียณเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูง และถึงเป้าหมายเร็วขึ้น

การออมเงินในรูปแบบของกองทุนและหุ้น ควรเป็น “เงินเย็น” ไม่ควรเป็นเงินที่ต้องการเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะการออมเงินในรูปแบบนี้มีความเสี่ยงสูง การออมเพื่อวัตถุประสงค์ระยะยาวอย่างออมเพื่อเกษียณจึงเหมาะสมกว่า หรือแบ่งเงินไว้สำหรับลงทุนเพื่อสร้างรายได้โดยเฉพาะ

ออมในอสังหาริมทรัพย์

อสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่นิยมลงทุนกันมากในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ เราสามารถกู้สินเชื่อบ้านลงทุนได้ (OPM: Other people’s money) ทั้งสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อผู้ประกอบการ โดยเงินที่จะออมจะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลกำไรได้ ไม่ว่าจะเป็นให้เช่าบ้าน ให้เช่าคอนโดฯ หรือลงทุนซื้อบ้านมือสองเพื่อปรับปรุงและปล่อยเช่า ก็สร้างผลตอบแทนได้ในระยะยา

  • สร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว
  • ความเสี่ยงปานกลาง
  • สามารถกู้เงินเพื่อลงทุนหรือใช้ OPM ได้

เป้าหมายการเงินที่เหมาะกับการออมเงินในรูปของอสังหาริมทรัพย์

  • ออมเพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว
  • เพื่อเป็นมรดกให้กับคนในครอบครัว

ข้อดีของการออมเงินในรูปของอสังหาริมทรัพย์ คือ อย่างไรเราก็จะมีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง และหากวางแผนดีๆ อาจใช้เงินในการลงทุนไม่สูงมาก เพราะสามารถกู้ได้ เพียงแต่ว่าต้องสร้างรายได้จากสินทรัพย์ให้ได้สูงกว่ายอดผ่อนต่อเดือน

ออมทอง

การออมทองเป็นการลงทุนในทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นิยมในยามเศรษฐกิจผันผวน โดยข้อดีขอการออมทองจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง มักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว สามารถซื้อขายได้ง่าย มีสภาพคล่องสูง ซึ่งเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

แต่การออมทองอาจมีข้อควรระวัง เพราะราคาทองมีความผันผวนสูง อาจมีช่วงที่ราคาลดลงอย่างมาก ไม่สร้างกระแสเงินสดหรือดอกเบี้ย และมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาหากซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ

ออมโดยซื้อพันธบัตร

พันธบัตรรัฐบาลเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ข้อดีมีความเสี่ยงต่ำนี้ เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและสูงกว่าเงินฝากธนาคารทั่วไป และบางประเภทได้รับการยกเว้นภาษี โดยข้อควรระวังในการออมเงินโดยซื้อพันธบัตร คืออัตราผลตอบแทนอาจต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม อาจมีข้อจำกัดในการซื้อขาย เช่น ต้องถือครองจนครบกำหนด

ออมเงินโดยการทำประกัน

การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นการออมเงินที่ผสมผสานระหว่างการออมและการคุ้มครองชีวิต โดยมีข้อดี ได้แก่ ได้ทั้งเงินออมและความคุ้มครองชีวิต มีวินัยในการออมเนื่องจากต้องจ่ายเบี้ยประกันสม่ำเสมอ สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ โดยข้อควรระวังในการออมเงินจากการทำประกัน คือผลตอบแทนอาจต่ำกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น มีค่าใช้จ่ายในส่วนของความคุ้มครองชีวิต และอาจมีค่าปรับหากต้องการยกเลิกกรมธรรม์ก่อนกำหนด

สรุป

การออมเงินก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เพื่อที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มจากเงินที่มีอยู่ การเปลี่ยนรูปแบบของเงินตราไปเป็นสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพียงแต่ว่าต้องศึกษาธรรมชาติของสินทรัพย์นั้นๆ ให้ดี รู้จักความเสี่ยงและภาระที่มี และวางแผนเป้าหมายให้สอดคล้องกับธรรมชาติของสินทรัพย์

เพียงเท่านี้ เป้าหมายในการวางแผนของคุณก็จะร่นระยะทาง สำเร็จได้ในเร็ววัน..

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
-

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณ
อาจสนใจ

แนะนำ 7 วิธีดูแลบ้านให้ปลอดภัยช่วงหยุดหลายวัน ทั้งการรักษาความปลอดภัย การจัดการไฟฟ้า และการฝากบ้าน เที่ยวอุ่นใจ บ้านปลอดภัย ไร้ความกังวล
เรื่องฮวงจุ้ยคอนโดเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะแนะนำเทคนิคการเลือกฮวงจุ้ยคอนโดที่ดี พร้อมวิธีปรับให้อยู่แล้วรวย รับทรัพย์ และเรียกโชคลาภ
แนะนำ 6 ทำเลบ้านมือสองน่าลงทุน พร้อมวิธีซื้อบ้านมือสอง ธอส. ทั้งการซื้อผ่านเคาน์เตอร์ การประมูล และช่องทางออนไลน์ ปี 2567

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก
เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ติดตามข่าวสารจาก GH BANK

อัปเดตทุก เรื่องบ้าน

อัพเดตเรื่องบ้านก่อนใคร รู้ก่อนได้เปรียบ

ค้นหาตาม Keyword เช่น การเงิน, การลงทุน, สินเชื่อ, บ้าน