เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทำงานก็จะเข้าใจกับคำว่า ชีวิตต้องบริหารมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเงิน ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจตอนนี้ที่ค่อนข้างซบเซา และขยับตัวได้ยาก ทำให้เงินที่เข้ามาต่อเดือนน้อยลงหากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และยิ่งอายุมากขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นตามความรับผิดชอบในแต่ละวัย หากใครมีครอบครัว ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูงขึ้นอีกหลายเท่าอีก เราจึงต้องเริ่มวางแผนการเงินตั้งแต่เริ่มต้นหาเงินเองได้
รู้จักข้อดีและความเสี่ยงของคนวัยสร้างเนื้อสร้างตัว
ถึงแม้เราจะรู้ความสำคัญของการวางแผนการเงินแล้ว แต่การจะตระหนักและเริ่มวางแผนการเงินจริงๆ คงยาก ฉะนั้นมาดูข้อดีเพื่อกระตุ้นให้เราเริ่มสร้างตัวกันดีกว่า

ข้อดี
“ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” คำนี้เป็นคำที่นักวางแผนการเงินบอกอยู่บ่อยๆ ยิ่งช่วงเริ่มทำงานที่ภาระยังไม่มาก ยิ่งเหมาะสำหรับเก็บเงินมากที่สุด เพราะเวลายิ่งนานยิ่งจ่ายน้อยภายใต้เงินปันผลสูงๆ รวมถึงกำลังในการทำงานที่สามารถหาเงินได้เยอะมากกว่าช่วงวัยอื่น ทำให้สภาพคล่องในการใช้จ่ายในวัยเริ่มต้นค่อนข้างสูง และถ้าหากมีรายได้น้อย แต่เมื่อเทียบกับรายจ่ายในช่วงวัยอื่น ภาระค่าใช้จ่ายก็น้อยกว่า
ความเสี่ยง
ถึงการเก็บเงินในช่วงเริ่มต้นทำงานจะมีข้อดีแต่ความเสี่ยงที่พบได้บ่อยคือ ความไม่มั่นคง และการเงินยังไม่คงที่ ทำให้การวางแผนการเงินในช่วงนี้ค่อนข้างหละหลวม เช่น อยากเก็บเงินต่อเดือนที่เดือนละ 5,000 บาท แต่ในความจริงแล้วเดือนนี้มีค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว และยังไม่มีเงินฉุกเฉินเพียงพอ ทำให้ต้องนำเงินเก็บออกมาใช้ก่อน
ความน่ากลัว คือ หากใครยังไม่เริ่มเข้มงวดกับตัวเองในการควบคุมรายจ่าย วังวนของ “เดือนชนเดือน” ก็จะอยู่กับคุณไปอีกนาน นักวางแผนการเงินบางท่านจึงหาทางออกโดยการให้คุณเก็บเงิน 100,000 ให้ได้หนึ่งก้อนก่อน ใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ แล้วความคล่องตัวการเงินของคุณจะดีขึ้นมาก
และอีกปัญหาที่พบได้บ่อยในตอนนี้ ก็คือเรื่องของการย้ายงาน ถึงแม้จะมีวิจัยออกมาแล้วว่า การย้ายงานช่วยให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นได้จริงมากกว่าการรอเงินเดือนขึ้นจากที่ทำงานเดิม แต่ช่วงย้ายงานก็ทำให้เงินขาดมือไปไม่ใช่น้อย เผลอๆ เงินเก็บของคุณที่มีทั้งหมดจะมาหายไปช่วงหางานใหม่
วางแผนการเงินสร้างรากฐานให้มั่นคง
เมื่อเข้าใจกันแล้วว่าการวางแผนการเงินสำคัญยังไง งั้นมาเริ่มต้นวางแผนการเงินเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกันดีกว่า
1.จัดการการเงิน
เมื่ออยากวางแผนการเงินให้มีคุณภาพ ก็ต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อน นั่นก็คือ การวางแผนรายรับรายจ่าย
ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ถึงแม้จะพยายามแล้วแต่วินัยทางการเงินก็ยังไม่ดีนัก ฉะนั้น ต้องมาทำความเข้าใจตัวเองใหม่ก่อนว่า เรามีนิสัยการใช้เงินอย่างไร และแก้ด้วยวิธีไหนถึงจะเก็บเงินได้มากที่สุด เช่น ไม่ชอบจดรายรับรายจ่าย
วิธีแก้ง่ายๆ คือ เมื่อได้เงินมาให้โอนเงินเข้าบัญชีเก็บก่อนและเหลือเงินรายเดือนในบัญชีสำหรับใช้จ่ายประจำวัน เงินที่เราใช้จ่ายก็จะไม่ปนกับเงินออมที่ต้องเก็บนั่นเอง หรือกำหนดให้ตัวเองใช้เงินได้วันละเท่าไหร่ และเผื่อเงินสำรองอีก 20% ของเงินที่ใช้ได้ต่อเดือน เพื่อไม่ให้เข้มงวดจนเกินไป ก็จะช่วยให้มีวินัยในการเก็บเงินมากขึ้น
2.ออมเงินเผื่อฉุกเฉิน
เงินส่วนนี้นี่ล่ะ ที่ทำให้เงินเก็บหลายคนหายไป ทำให้ไม่มีเงินเก็บในอนาคต แก้ปัญหาโดยการใช้วิธีด้านบนจะง่ายสุดคือ เก็บตั้งแต่ได้เงินมา โดยเก็บที่ 5% – 10% ของรายได้ทั้งหมดต่อเดือน สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ย้ายงาน คอมเสีย อุบัติเหตุ ฯลฯ
หากสำรองเงินส่วนนี้ไว้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ไม่กระทบต่อเงินออมส่วนอื่น ทำให้เงินในอนาคตที่ตั้งใจเก็บไว้ ยังปลอดภัย เพราะการวางแผนการเงินก็เหมือนกับวางแผนชีวิต ต้องมีแผนสำรองไว้ แผนหลักจะได้ดำเนินต่อได้อย่างปลอดภัย
3.กำหนดงบประมาณรายจ่าย
เชื่อว่าทุกคนรู้ว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ลิสต์ไว้เพื่อให้เห็นภาพรวมของการเงิน ทำให้แผนทางการเงินไม่สำเร็จตามที่คาดหวังไว้ แต่จริงๆ การประมาณรายจ่ายต่อเดือนไม่ยากอย่างที่คิดเลย โดยแบ่งสัดส่วน ดังนี้
- หนี้สิน เช่น ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนบัตรเครดิต
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง
- เงินออม เช่น เงินออมเกษียณ กองทุนระยะยาว
แบ่งค่าใช้จ่ายเป็นสามส่วนนี้ ก็ช่วยให้เราวางแผนการเงินเบื้องต้นได้ส่วนหนึ่ง จริงๆ แล้วสัดส่วนทั้งสามอย่างนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจแต่ละท่าน แต่โดยรวมหนี้สินไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน
กำหนดเป้าหมายชีวิตและวางแผนการเงิน
ถึงเราจะรู้วิธีเก็บเงินมากมาย แต่วินัยการเงินก็ยังไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ายังไม่มีเป้าหมายในการเก็บเงิน ทำให้ไม่รู้ว่าจะเก็บเงินไปเพื่ออะไร ซึ่งเป้าหมายการเก็บเงินนี้ ไม่ใช่แค่ในปีนี้เท่านั้น แต่จะดีถ้าทำถึงวัยหลังเกษียณ เพื่อให้ช่วงอายุที่ไม่ได้ทำงานแล้ว ยังใช้จ่ายสบายอยู่
เรียงลำดับเป้าหมายและกำหนดเวลา
เป้าหมายจะสำเร็จได้ ต้องจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย และมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน (Time frame) โดยสำหรับเป้าหมายทางการเงิน ก็ต้องตั้งเป้าหมายการเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจน และกำหนดไปเลยว่าปีใดต้องเก็บเงินเท่าใด
ตัวอย่างต่อไปนี้ คือ ตัวอย่างการกำหนดเป้าหมายออมเงินสำหรับแต่ละช่วงอายุ ว่าปีใดควรเก็บเงินสำหรับเป้าหมายต่างๆ เท่าไร ซึ่งการวางแผนการเงินสำหรับวัยสร้างตัว เป้าหมายส่วนใหญ่ก็จะมีคล้ายๆ กันประมาณนี้
![[GH]COVER TABLE41 ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายการเก็บเงิน](https://blog.ghbank.co.th/wp-content/uploads/2019/08/GHCOVER-TABLE41.jpg)
ให้คุณลองลิสต์เป้าหมายออกมาก่อน แล้วให้เรียงลำดับความสำคัญว่าต้องการสิ่งใดก่อน แล้วกำหนดเลยว่าเป้าหมายนั้นๆ ต้องสำเร็จเมื่ออายุเท่าไร โดยให้กำหนดเป็นจำนวนเงิน และให้พิจารณาดูว่าควรใช้เวลาเก็บเงินเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้นกี่ปี
นอกจากนี้ อย่ามุ่งมั่นกับเป้าหมายที่ต้องการมากเกินไป จนลืมสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง ซึ่งจากตารางจะเป็นเป้าหมายการเก็บเงินลงทุน และเก็บเงินเกษียณ ส่วนนี้ควรจะแบ่งจากรายได้ทุกๆ เดือนเป้าหมายละ 10% เพื่อให้แน่นอนว่า เราจะ ‘สร้างตัว’ ได้จริงๆ
ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ก็มีเรื่องที่อยากชวนให้ลองไตร่ตรองดูอีกเล็กน้อย
- รถ
ปัจจุบันหากจะดาวน์รถ ต้องใช้เงินดาวน์ขั้นต่ำราว 20% หากซื้อรถหนึ่ง 600,000 บาท จึงควรมีเงินดาวน์ 120,000 บาท ทั้งนี้ อย่าลืมว่าดาวน์เสร็จต้องผ่อนต่อ ควรวางแผนการเงินเรื่องนี้ให้ดี และยอดผ่อนต่อเดืนอไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน ไม่งั้นเงินจะฝืดเคืองเกิน ใช้เงินเดือนชนเดือน รถจากที่ควรเป็นสินทรัพย์ จะกลายเป็นหนี้สินระยะยาวแทน
- บ้านหรือคอนโด
ค่าดาวน์บ้านและคอนโดฯ ควรมีสำรองไว้ราว 20 – 25% ของราคาขาย และควรคิดเผื่อยอดผ่อนต่อเดือนด้วย ซึ่งจำนวนที่ผ่อนต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายรับต่อเดือน หากอยากลดค่าผ่อนต่อเดือนแนะนำให้ดาวน์สูงและดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งการขอสินเชื่อบ้าน ไม่ยากอย่างที่คิด การจะมีบ้านสักหนึ่งหลังจึงใกล้ตัว
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ตอนนี้การไปต่างประเทศไปง่ายมาก เพราะโปรจากสายการบินต่างๆ แข่งกันลด มีเพียงช่วงเทศกาลเท่านั้นที่ราคายังแพงอยู่ แต่การไปแต่ละครั้งก็ถือว่าใช้เงินก้อนหลักหมื่นขึ้น ควรวางแผนวางปีใดอยากไปเที่ยวที่ไหนก็เตรียมเงินให้เหมาะสมไว้แต่เนิ่นๆ นอกจากนี้ ขอแนะนำให้จองตั๋วในช่วงก่อนไปจริง 6 เดือน จะได้ราคาที่ถูกกว่าปกติ ส่วนค่าที่พักต่างๆ สามารถเลือกโปรโมชั่นได้จากเว็บไซต์จองที่พักเช่น Agoda Airbnb จะได้ราคาที่ถูกลง
- แต่งงานและมีลูก
การแต่งงานและการมีลูกค่อนข้างที่จะมีค่าใช้จ่ายสูง เราควรวางแผนไว้ก่อน ซึ่งปัจจุบันอยากที่ทราบกันดีว่าแต่งงานทั้งทีก็ต้องจ่ายเป็นแสน และถ้าอยากจะเลี้ยงลูกให้ดีก็ต้องมีเงินเย็นรองเปลลูกก่อนหลักแสนเช่นเดียวกัน เพราะหากจะคอยเลี้ยงคอยหา เราจะไม่มีมีโอกาสเผื่อวันที่ขาดรายได้เลย แนะนำให้เก็บเงินก้อนไว้สำหรับเป้าหมายนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้ก็มีผลิตภัณฑ์เงินฝากหลายแบบที่เหมาะสำหรับเก็บเงินเพื่อครอบครัวในอนาคตของคุณแล้ว
- แผนลงทุน
ทุกๆ คนควรวางแผนการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยและสร้างความมั่นคงในชีวิตระยะยาว อย่างน้อยเราควรแบ่งเงินจากรายได้ราว 10% ทุกเดือนมาแบ่งลงทุน โดยการลงทุนแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ เช่น รับความเสี่ยงได้สูง สามารถลงเล่นหุ้นได้ เพราะเสี่ยงสูงและผลกำไรดี แต่หากเสี่ยงได้น้อยเลือกลงทุนในกองทุนจะดีกว่า หากเราจัดสรรเงินดี เราก็ไม่ต้องกลัวว่าถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมา จะกระทบต่อความเป็นอยู่ของเรา
- เงินเก็บเกษียณ
เงินเกษียณสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่เริ่มทำงานเก็บตั้งแต่ 2% – 20% ต่อเดือน หรือบางบริษัทจะมีเงินสมทบสำหรับลงทุนอีก หากใครที่เริ่มทำงานอาจจะคิดว่าไกลตัวเกินไป แต่ถ้าเริ่มอายุเข้า 25 จะพบว่าความไม่แน่นอนทางการเงินอยู่ใกล้ตัวมาก ภาวะใช้เงินเดือนชนเดือนคืออันตรายที่ทำให้ชีวิตในทุกช่วงฝืดเขือง การวางแผนเกษียณจึงควรทำตั้งแต่เนื่องๆ
สรุป
การวางแผนการเงินก็เปรียบกับการวางรากฐานให้ชีวิต เพราะเงินคือต้นทุนสำหรับทุกอย่าง ทั้งบ้าน รถ ค่าใช้จ่ายในชีวิต การศึกษา ความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว รวมถึงช่วงวัยเกษียณด้วย เราจึงต้องรีบวางแผนการเงิน ตั้งแต่แรกเริ่มทำงาน ลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้ เพื่อผลตอบแทนในอนาคตที่ตอบสนองกับความต้องการที่วางแผนไว้
…แล้วคุณภาพชีวิตของคุณและครอบครัวในอนาคตจะมั่นคงและมีสุข